7 ค่าใช้จ่ายที่มาพร้อมกับการซื้อรถคันแรก

2,391

ปัจจุบันการเดินทางในชีวิตประจำวันก็ยังคงเป็นปัญหาหลักอยู่เสมอ เนื่องจากระบบคมนาคมขนส่งสาธารณะไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค จึงทำให้หลาย ๆ คนตัดสินใจที่จะซื้อรถยนต์มาใช้เพื่อการเดินทางที่ความสะดวกสบายมากขึ้น

แต่ก็มีหลายคนที่ตัดสินใจซื้อรถโดยดูแค่ความต้องการ และประโยชน์ในการใช้งาน โดยไม่ได้คำนวณเรื่องของค่าใช้จ่ายให้ดี ทำให้กลายเป็นภาระขนาดใหญ่จนแบกรับไม่ไหว ว่าซื้อรถมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างและอาจส่งผลร้ายต่อการเงินของตัวเองในที่สุด

เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ในภายหลัง จึงต้องคำนวณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และวางแผนการเงินเอาไว้ให้ดี มาดูกันดีกว่าว่ารถคันแรกของคุณ จะมีค่าใช้จ่ายอะไรที่ตามมาบ้าง

เงินดาวน์และค่างวดผ่อนรถ

1. เงินดาวน์และค่างวดผ่อนรถ

สำหรับ เงินดาวน์และค่างวดผ่อนรถ เป็นรายจ่ายก้อนโตที่คนซื้อรถจะต้องเผชิญหากไม่มีเงินสดมากพอที่จะจ่ายเต็มจำนวน โดยในครั้งแรกที่ทำการซื้อ คุณต้องจ่ายเงินดาวน์ก่อนจำนวนหนึ่ง แล้วนำส่วนที่เหลือมาบวกเข้ากับดอกเบี้ยรายปี แล้วหารจำนวนของเดือนที่จะผ่อน ตัวอย่างเช่น

อัตราดอกเบี้ยรายปีและระยะเวลาการผ่อนนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละที่ แต่โดยมากยิ่งจ่ายเงินดาวน์มากเท่าไหร่ อัตราดอกเบี้ยและค่างวดที่ต้องผ่อนก็จะยิ่งลดลงเท่านั้น หากคุณมีภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนอื่น ๆ สูง คุณอาจเลือกที่จะจ่ายเงินดาวน์ก้อนใหญ่เพื่อการค่างวดในแต่ละเดือนที่ถูกลง

เพราะคุณจำเป็นจะต้องจ่ายค่างวดให้ตรงเวลา มิฉะนั้นอาจจะเสียค่าปรับ เสียเครดิต หรือโดนยึดคืนได้ ดังนั้น จึงต้องคำนวณรายรับรายจ่ายของตัวเองให้ดี และมีวินัยในการใช้จ่ายตรงจุดนี้และเตรียมเงินให้พร้อมส่งตามกำหนดในทุก ๆ เดือน

  • รถยนต์ที่คุณต้องการจะซื้อมีราคา 500,000 บาท มีเงินดาวน์ทั้งหมด 250,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระ 60 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี เท่ากับต้องจ่ายค่างวดเดือนละ 5,208 บาท

 

2. ค่าเชื้อเพลิง

แน่นอนว่าการที่รถจะเคลื่อนที่ได้จำเป็นจะต้องมีแหล่งพลังงานไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน หรือแก๊ส ค่าเชื้อเพลิง จึงเป็นอีกค่าใช้จ่ายที่คนมีรถจะต้องจ่ายมากและบ่อยที่สุด สำหรับใครที่ใช้งานรถเป็นประจำอาจต้องจ่ายค่าเชื้อเพลิงมากถึง 2,000 – 4,000 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว

โดยค่าเชื้อเพลิงนั้นจะขึ้นอยู่กับความมากน้อยในการใช้งาน และอัตราสิ้นเปลืองของรถแต่ละรุ่น ซึ่งคุณสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ได้ด้วยการตรวจสอบว่า ค่าอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยของรถที่คุณหมายตาไว้วิ่งได้เท่าไหร่ (กม./ลิตร) แล้วเฉลี่ยดูว่าแต่ละกิโลเมตรจะเสียทั้งหมดกี่บาท (กม./บาท) จากนั้นลองประมาณระยะทางที่เราจะใช้รถในแต่ละวันแล้วคูณเข้าไป ตัวอย่างเช่น

ค่าเชื้อเพลิง

  • รถของคุณเป็นระบบน้ำมัน มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 10 กิโลเมตรต่อ 1 ลิตร โดยคุณจะต้องขับรถไป-กลับวันละ 20 กิโลเมตร มีค่าน้ำมันอยู่ที่ลิตรละ 30 บาท เท่ากับใน 1 วันคุณจะต้องเสียค่าเชื้อเพลิงทั้งหมด 60 บาท หรือประมาณ 1,800 บาทต่อ 1 เดือน

 

3. ค่าบำรุงรักษา

สำหรับผู้ที่เพิ่งมีรถคันแรกอาจจะยังไม่ทราบกันดี แต่รถยนต์นั้นจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจเช็คสภาพการใช้งานอยู่เป็นระยะ ๆ โดยจะมีการตรวจสอบทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 6-12 เดือน ซึ่งคุณจะต้องนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการ โดยช่างจะทำการตรวจสอบอะไหล่หรือระบบของเหลวต่าง ๆ ที่เสื่อมสภาพและทำการเปลี่ยนให้ โดยเราจะต้องจ่าย ค่าบำรุงรักษา เหล่านี้เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งาน และสร้างความปลอดภัยให้กับรถของคุณด้วย

 

4. ค่าภาษี

ค่าภาษีรถยนต์ เป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียเป็นประจำทุก ๆ ปี โดยภาษีของรถแต่ละรุ่นจะมีราคาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับประเภท ขนาด กำลังของเครื่องยนต์ และอายุการใช้งานของตัวรถ เช่น รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่งอย่างรถเก๋ง รถกระบะ จะคำนวณภาษีโดยขึ้นอยู่กับกำลังของเครื่องยนต์ แบบเป็นขั้น ๆ ไป โดยตั้งแต่ 1–600 ซีซี ละ 0.50 สตางค์ จาก 601-1800 ซีซี ละ 1.50 บาท และ 1801 ซีซี ขึ้นไป ซีซีละ 4 บาท ตัวอย่างเช่น

  • รถเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี

    • 600 ซีซีแรก ซีซีละ 0.5 บาท เท่ากับ 600 x 0.5 = 300 บาท

    • 601-1500 ซีซีต่อมา ซีซีละ 1.50 บาท เท่ากับ (1,500 – 600) = 900 x 1.50 = 1,350 บาท รวมแล้วค่าภาษีทั้งหมดที่จะต้องจ่ายก็คือ 300 + 1,350 = 1,650 บาท

โดยอัตราค่าภาษีในปีที่ 1-5 จะคงที่ตามที่คำนวณได้ แต่เมื่ออายุการใช้งานเกิน 6 ปีขึ้นไปจะลดภาษีลง 10% และจะลดลงถึง 50% ในปีที่ 10 และคงที่ที่ 50% ในปีต่อไปเรื่อย ๆ แต่รถที่มีอายุการใช้งาน 7 ปีขึ้นไปจะต้องมีใบรับรองการตรวจสภาพ ตรอ. จึงจะสามารถต่อภาษีได้

ในกรณีที่ขาดการต่อภาษี จะมีค่าปรับร้อยละ 1 ต่อเดือนจนกว่าจะถึงวันชำระ แต่การใช้รถที่ไม่ได้จ่ายภาษีนั้นมีความผิดทางกฏหมาย จะมีโทษปรับสูงสุด 2,000 บาท ซึ่งถือว่าแพงกว่าค่าภาษีมาก อีกทั้งถ้าไม่ได้ชำระติดต่อกันเกิน 3 ปี ทะเบียนรถจะถูกระงับการใช้งาน จึงเป็นอีกค่าใช้จ่ายที่คนมีรถจะลืมไม่ได้เลยทีเดียว

 

5. ค่า พ.ร.บ. รายปี

ค่า พ.ร.บ. รายปี ถือเป็นประกันภัยภาคบังคับโดยกฏหมาย ที่รถทุกคันจำเป็นจะต้องมี ซึ่งมีความสำคัญและคุ้มค่ามาก ๆ แต่จะให้ความคุ้มครองเฉพาะกับผู้ขับขี่เท่านั้น ไม่ได้คุ้มครองถึงตัวรถด้วย หมายความว่า หากคุณเกิดอุบัติเหตุจนรถยนต์เสียหาย พ.ร.บ. นี้ก็จะคุ้มครองเพียงค่ารักษาจากอาการบาดเจ็บ แต่คุณต้องจ่ายค่าซ่อมรถที่เสียหายเอง

ค่าใช้จ่ายของ พ.ร.บ. นั้นจะจ่ายเป็นรายปี และมีราคาแตกต่างกันไปตามประเภทรถ โดยผู้ที่ไม่ได้ทำจะไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ได้ และถือว่ามีความผิดทางกฏหมายด้วย โดยจะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือหากทำแล้วไม่นำมาติดหน้ารถก็มีค่าปรับ 1,000 บาท จึงจำเป็นจะต้องจ่ายเพื่อให้ถูกกฏหมาย และความปลอดภัยของคุณเองด้วยนะครับ

 

6. ประกันภัยรถยนต์

ค่าประกันภัยรถยนต์ ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพื่อเป็นตัวช่วยในความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจทำให้รถของคุณต้องเสียหาย สำหรับคุณที่เพิ่งจะออกรถคันแรกมาใหม่ ๆ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็คงจะเสียใจอยู่ไม่น้อย แต่หากคุณมีประกันไว้ บริษัทประกันจะเป็นฝ่ายรับผิดชอบในการซ่อมแซมรถของคุณให้ (ตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้) ช่วยให้คุณอุ่นใจแม้จะเกิดอุบัติเหตุ

โดยประกันภัยรถยนต์จะมีให้เลือกหลายรูปแบบ ซึ่งจะมีราคาและการให้ความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป โดยประกันชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองสูงสุด ครอบคลุมความเสียหายทั้งหมด ไม่ว่าจะเกิดจากคู่กรณีหรือผู้ขับขี่เอง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งออกรถมา หรือยังเป็นมือใหม่หัดขับที่มีความเสี่ยงในการขับรถมาก ๆ แต่ก็แลกมาด้วยเบี้ยประกันรายปีที่ค่อนข้างสูงเช่นกัน

หากคุณกำลังมองหาประกันดี ๆ เพื่อคุ้มครองรถคันใหม่ของคุณ ลองปรึกษากับประกันติดโล่ดูสิครับ เรามีประกันให้เลือกหลากหลาย เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายกับเจ้าอื่น ๆ ได้ แถมยังสามารถผ่อนชำระได้อีกด้วย อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ซื้อประกันกับประกันติดโล่ หรือสอบถามประกันติดโล่ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ

 

7. ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

สำหรับคนมีรถนอกจากค่าใช้จ่ายจำเป็นที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว การซื้อรถมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างอื่น ๆ นั่นอาจเป็นค่าใช้ฉุกเฉินหรือค่าใช้จ่ายจุกจิกเพิ่มเติมต่าง ๆ โดยไม่มียอดตายตัวเป็นประจำ ซึ่งคุณสามารถเลือกที่จะจ่ายหรือไม่จ่ายก็ได้ เช่น ค่าล้างรถ อุปกรณ์ตกแต่ง กล้องติดรถยนต์ ค่าทางด่วน ฯลฯ

จะสังเกตได้ว่าค่าใช้จ่ายในบางอย่างอาจไม่จำเป็นต้องจ่ายเสมอไป แต่สำหรับบางคน เช่น ผู้ที่อยู่หอพักหรือคอนโดนั้นจะต้องใช้จ่ายค่าล้างรถค่อนข้างบ่อย เพราะไม่สามารถล้างด้วยตัวเองได้ หรือผู้ที่บ้านอยู่ไกลจากที่ทำงาน อาจจะต้องจ่ายค่าทางด่วนอยู่เป็นประจำ

ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้นั้น ขึ้นอยู่กับความชอบและความจำเป็นของแต่ละบุคคล ไม่สามารถประเมินเป็นตัวเลขที่แน่นอนในแต่ละเดือนได้ หากคุณต้องการที่จะประหยัดมาก ๆ คุณอาจลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ตามความจำเป็น

 

สรุป

ใครหลายคนก็อยากเดินทางสะดวกสบาย และมีรถเป็นของตัวเอง แต่จากข้อมูลที่เราได้กล่าวไป ทำให้ทุกคนทราบถึงค่าใช้จ่ายในการซื้อรถมากขึ้น เพราะฉะนั่นต้องคิดให้รอบคอบมากกว่าแค่ความอยากได้ ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน และอย่าลืมความสามารถในการรับผิดชอบภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติม เพื่อไม่ให้มีปัญหาการเงินในอนาคต



สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
สนใจ ประกันรถยนต์

กรอกข้อมูลติดต่อ

นอกจากประกันรถยนต์ อยากได้อะไรเพิ่ม?
การกดส่งข้อมูลแสดงว่าคุณอ่านและรับทราบ
นโยบายความเป็นส่วนตัว เรียบร้อยแล้ว

บทความแนะนำ
  • ข้อสอบใบขับขี่พร้อมเฉลย ล่าสุด 2567
    รวมเฉลยข้อสอบใบขับขี่ 2566 อย่างละเอียด ไม่อยากสอบหลายรอบมาเตรียมตัวให้พร้อมก่อนสอบจริงกับแนวข้อสอบใบขับขี่ภาคทฤษฎี 50 ข้อพร้อมเฉลย
    215,352
  • รถเป็นรอยขูดทำไงดี เคลมประกันชั้น 1 ได้ไหม จ่ายค่าเสียหายส่วนแรกกี่บาท
    อยู่ๆ รถสุดที่รักก็โดนขูดเป็นรอยลึก หาตัวคนผิดก็ไม่ได้ คู่กรณีก็ไม่มี แล้วแบบนี้ประกันรถยนต์จะรับเคลมไหม ต้องจ่ายค่าทำสีรถใหม่เองหรือเปล่า ทำยังไงได้บ้าง?
    86,592
  • ไม่หลบรถพยาบาลเปิดไซเรน ระวังผิดกฎหมายรถฉุกเฉิน และเจตนาฆ่า!
    รถพยาบาลฉุกเฉินเปิดไฟวับวาบและเปิดเสียงไซเรน คุณควรหลีกทางให้รถพยาบาลแบบด่วนๆ เพราะถ้าฝ่าฝืนทำตัวขวางโลกรู้ไหมว่าผิดกฎหมายรถฉุกเฉิน และมีเจตนาฆ่าด้วย!
    86,242