ส่องสาเหตุ อาการของรถจอดนานสตาร์ทไม่ติด พร้อมวิธีแก้ปัญหา
ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องไปทำธุระหลายวัน หรือต้องอยู่บ้านชั่วคราวจนแทบไม่ได้ใช้งานรถเลย พอกลับมาใช้รถอีกครั้ง รถจอดไว้นานสตาร์ทไม่ติดทําไงดี? ควรเรียกช่างเลยดีไหม หรือมีวิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้นด้วยตัวเองยังไงบ้าง บทความนี้เรามีคำตอบให้คุณ พร้อมทั้งวิธีการดูแลรถให้พร้อมกลับมาใช้งาน หมดปัญหาเรื่องรถสตาร์ทไม่ติด รวมถึงป้องกันปัญหาอื่นที่จะเกิดขึ้น เมื่อต้องจอดรถทิ้งไว้นานๆ เมื่อรู้สาเหตุล่วงหน้าเราก็พร้อมรับมือได้ไม่ยากอีกต่อไป
5 อาการที่พบบ่อย เมื่อรถจอดนานสตาร์ทไม่ติด มีสาเหตุมาจากอะไร
เมื่อรถยนต์จอดไว้นาน สตาร์ทไม่ติด มักมีสาเหตุหลักมาจากอุปกรณ์สำคัญ 2 อย่างนี้ คือ
- แบตเตอรี่: รถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่สำหรับการสตาร์ท เมื่อแบตเตอรี่หมด หรือเสื่อมจะทำให้รถสตาร์ทไม่ติด
- มอเตอร์สตาร์ท: หรือไดสตาร์ท เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ให้เครื่องยนต์ทำงานได้ สำหรับปัญหาที่รถสตาร์ทไม่ติด แบตไม่หมด หรือแบตยังมีไฟอยู่ ก็อาจมีสาเหตุมาจากมอเตอร์สตาร์ทเสื่อม หรือไดสตาร์ทไม่ทํางาน
สำหรับรถที่สตาร์ทไม่ติด ให้ดูว่าสาเหตุมาจากอุปกรณ์ชิ้นไหนด้วยการบิดกุญแจสตาร์ทรถ และดูว่ารถมีอาการยังไง ดังนี้
1. รถสตาร์ทไม่ติด ไม่มีเสียงอะไรเลย
เมื่อบิดกุญแจเปิดเครื่องแล้วรถสตาร์ทไม่ติด ไฟเครื่องโชว์อยู่ แต่เครื่องเงียบไม่มีเสียงสตาร์ท กรณีนี้เกิดขึ้นได้บ่อยให้ตรวจเช็คการทำงาน ดังนี้
- สำหรับรถสตาร์ทไม่ติด เกียร์ออโต้ ให้ดูว่าคุณกำลังเข้าเกียร์อื่นทิ้งไว้นอกจากเกียร์ P หรือ N หรือไม่ เพราะถ้าเข้าเกียร์เดินหน้า หรือถอยหลังเอาไว้จะทำให้รถสตาร์ทไม่ติด ซึ่งเป็นกลไกป้องกันไม่ให้รถเกิดอุบัติเหตุในกรณีที่เข้าเกียร์ทิ้งไว้
เมื่อตรวจสอบแล้วว่า เข้าเกียร์ P หรือ N แต่สตาร์ทไม่ติดอยู่ดี อาจมีสาเหตุมาจากแบตเตอรี่ที่ส่งกำลังไฟไม่พอ หรือมีอุปกรณ์ต่อพ่วงกับแบตเตอรี่หลุดออก เพราะการจอดรถทิ้งเอาไว้นานอาจจะมีสัตว์ตัวเล็กๆ เช่น แมวหรือหนู เข้าไปทำให้สายต่อพ่วงหลุดออก
2. รถสตาร์ทไม่ติด ไดสตาร์ทไม่ทํางาน
อีกกรณีหนึ่งเมื่อบิดกุญแจสตาร์ทแล้วยังมีเสียงสตาร์ทแต่เครื่องยนต์ไม่ติด กรณีนี้อาจมาจากแบตเตอรี่เสื่อม รถสตาร์ทไม่ติดเพราะไดสตาร์ทไม่ทํางานหรือผิดปกติ ให้ตรวจเช็คการทำงาน ดังนี้
- ถ้ารถจอดไว้แค่ข้ามคืน แต่รถสตาร์ทไม่ติดตอนเช้า ให้ลองเช็คดูว่าคุณได้เปิดไฟในรถ หรือไฟหรี่ทิ้งเอาไว้ทั้งคืนหรือไม่ เพราะถ้าเกิดจากสาเหตุนี้หมายความว่าแบตเตอรี่มีกำลังไฟอ่อน
- สำหรับรถที่จอดทิ้งไว้นานเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือนแล้วกลับมาสตาร์ทไม่ติด สาเหตุแรกที่ต้องสงสัยเลยคือแบตเตอรี่หมดแล้ว
3. รถสตาร์ทไม่ติด มีเสียงแก๊กๆ
เมื่อบิดกุญแจแล้วมีเสียงสตาร์ทรถที่ผิดปกติ มีเสียงครืดคราด หรือรถสตาร์ทไม่ติด มีเสียงเหมือนไฟช็อต มักมาจากมอเตอร์สตาร์ทกำลังจะเสีย ซึ่งเสียงที่ดังนั้น อาจเกิดจากมอเตอร์สตาร์ทพยายามทำงาน แต่ไม่สามารถหมุนได้อย่างต่อเนื่อง แตกต่างจากอาการแบตเตอรี่อ่อนที่มักทำให้มอเตอร์สตาร์ทหมุนช้าๆ แต่ต่อเนื่อง ควรนำรถไปเข้าศูนย์บริการเพื่อทำการซ่อม หรือเปลี่ยนมอเตอร์สตาร์ทใหม่
4. รถสตาร์ทไม่ติด น้ำมันไม่มา
เมื่อบิดกุญแจสตาร์ทรถแล้วรถสตาร์ทไม่ติด น้ำมันไม่มา ถ้าน้ำมันรถไม่ได้หมด อาจเป็นสัญญาณของปัญหาระบบน้ำมันเชื้อเพลิง โดยสาเหตุหลักๆ อาจเกิดจาก
- ปั๊มน้ำมันเสีย ทำให้ไม่สามารถส่งน้ำมันจากถังไปยังเครื่องยนต์ได้
- กรองน้ำมันอุดตัน เมื่อสตาร์ทรถน้ำมันจึงไม่มา
- ระบบจ่ายน้ำมันโดยรวม เช่น ท่อน้ำมันรั่ว หัวฉีดอุดตัน หรือเซ็นเซอร์ทำงานผิดปกติ
แนะนำให้ตรวจสอบระดับน้ำมันในถัง ฟังเสียงปั๊มน้ำมันขณะบิดกุญแจ และสังเกตกลิ่นน้ำมันว่าผิดปกติไหม ทางที่ดีควรนำรถไปเข้าศูนย์บริการเพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเช็คอย่างละเอียด
5. รถสตาร์ทไม่ติด ไฟหน้าปัดรถยนต์ไม่ขึ้น
เมื่อบิดกุญแจสตาร์ทรถแล้วรถสตาร์ทไม่ติด ไฟหน้าปัดรถยนต์ไม่ขึ้น เป็นสัญญาณของระบบไฟฟ้ามีปัญหา สาเหตุหลักอาจมาจากแบตเตอรี่หมด หรือเสื่อมสภาพ ทำให้ไม่มีไฟเลี้ยงระบบต่างๆ ของรถ นอกจากนี้ ปัญหาอาจเกิดจากสายไฟหลุดหลวมหรือขาด โดยเฉพาะสายไฟหลักที่เชื่อมต่อกับแบตเตอรี่ ในกรณีร้ายแรง อาจเป็นปัญหาที่กล่องควบคุมเครื่องยนต์หรือ ECU (Engine Control Unit) ถ้า ECU มีปัญหา อาจทำให้ระบบทั้งหมดของรถไม่ทำงาน รวมถึงไฟหน้าปัดด้วย
การแก้ไขเมื่อรถสตาร์ทไม่ติด
สำหรับรถที่ตรวจสอบดูแล้วมั่นใจว่าแบตเตอรี่หมดหรือเสื่อม สามารถแก้ไขได้ด้วยการ “พ่วงแบต” กับรถคันอื่น เมื่อพ่วงแบตแล้วพบว่ารถยนต์กลับมาสตาร์ทติดสามารถกลับมาใช้งานได้ก็ถือว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
สำหรับแบตเตอรี่นั่นถึงแม้จะพ่วงแล้วใช้งานรถได้ตามปกติ แต่แบตเตอรี่มีอายุการใช้งาน 2 ปี ถ้าพบว่าเกินเวลาอายุการใช้งานแล้ว แนะนำให้เปลี่ยนแบตลูกใหม่ เพราะการใช้งานแบตเตอรี่เสื่อมเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้ปัญหาการสตาร์ทไม่ติดเกิดขึ้นบ่อย
แต่ถ้าพ่วงแบตแล้วรถยังสตาร์ทไม่ติด ก็อาจจะเกิดจากอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องหรือระบบไฟฟ้ามีปัญหา เมื่อไม่สามารถขับรถไปยังศูนย์บริการได้ ก็สามารถโทรเรียกช่างซ่อมหรือเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการมาตรวจเช็คที่บ้านได้
การดูแลรถยนต์เมื่อต้องจอดรถทิ้งไว้นาน
สำหรับรถยนต์ที่จำเป็นต้องจอดทิ้งไว้นาน การเตรียมการก่อนจอดทิ้งไว้สำคัญมาก เพราะถ้าไม่ดูแลอะไรเลยก่อนจอดทิ้งไว้ เมื่อกลับมาใช้งานจะมีปัญหาตามมาแน่นอน โดยสามารถทำได้ดังนี้
แบตเตอรี่ : อุปกรณ์สำคัญที่ต้องดูแลเมื่อต้องจอดรถทิ้งไว้ เพราะเมื่อกลับมาใช้งานอีกครั้งปัญหาส่วนใหญ่ที่พบคือแบตเตอรี่หมด สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ใกล้รถแนะนำว่าควรถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ออกจะดีที่สุด ส่วนคนที่อยู่ที่บ้านแต่ไม่ได้ใช้รถก็แนะนำว่าให้สตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 10 นาที สัปดาห์ละ 2 ครั้งก็ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้
ความสะอาดของรถ : เมื่อรู้ว่าต้องจอดรถทิ้งไว้นานควรเอารถไปล้างให้สะอาด เพราะคราบสกปรกบางอย่างถ้าติดอยู่บนตัวรถนานจะทำให้ล้างไม่ออก แล้วนำไปจอดในที่ร่มแล้วคลุมผ้าเอาไว้เพื่อป้องกันฝุ่น
ลมยาง : สำหรับรถที่จะจอดทิ้งเอาไว้ควรเติมลมยางให้มากกว่าปกติประมาณ 5-10 ปอนด์ / ตารางนิ้ว เพราะรถที่จอดทิ้งเอาไว้นานยางจะมีอาการไม่คืนตัว เพราะน้ำหนักรถจะทิ้งลงบนยางด้านที่ติดกับพื้นอยู่ตลอดเวลา อาจทำให้ยางรถเสียรูป เมื่อนำกลับมาขับรถจะมีอาการสั่น
สรุป อาการของรถจอดนานสตาร์ทไม่ติด
รถยนต์เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง การดูแลรักษาจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าหากจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ รถเกิดสตาร์ทไม่ติดจนเสียขึ้นมาล่ะก็ ต้องส่งเข้าอู่ซ่อมเสียทั้งเงินและเวลาโดยที่ไม่จำเป็นอย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับอุบัติเหตุรถยนต์ต่าง ๆ ถ้าหากเกิดขึ้นล่ะก็อาจทำให้คุณต้องควักกระเป๋าจ่ายเป็นเงินก้อนโต ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล หรือค่าซ่อมรถ เพราะฉะนั้น เพื่อความอุ่นใจของเงินในกระเป๋า จึงควรมีประกันภัยรถยนต์ติดตัวเอาไว้
ถ้าหากคุณสนใจทำประกันรถยนต์ แต่ยังมองหาบริษัทประกันที่ถูกใจคุณไม่ได้ ลองปรึกษาประกันติดโล่ดูสิครับ
เราเป็นโบรกเกอร์ที่รวมประกันภัยรถยนต์จากบริษัทชื่อดังเอาไว้มากมาย พร้อมให้บริการอย่างตรงไปตรงมา ตอบทุกคำถามที่คุณลูกค้าสงสัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความคุ้มครองต่าง ๆ เปรียบเทียบความคุ้มค่าของประกันแต่ละเจ้า อีกทั้งเรายังพร้อมให้คุณผ่อนจ่ายแบบไม่คิดดอกเบี้ยนานสูงสุดถึง 6 เดือนเลยครับ!