ไขข้อข้องใจ! เคลมประกันรถบ่อย ๆ จนค่าเบี้ยประกันเพิ่ม ทำยังไงดี?
เวลาเกิดอุบัติเหตุบนถนน ไม่ว่าจะเป็น รถชนรถ หรือ รถชนคน เจ้าของกรมธรรม์ประกันรถยนต์ สามารถ เคลมประกันรถ ได้ตามประเภทกรมธรรม์ที่ซื้อเอาไว้ เช่น หากทำประกันรถยนต์ ชั้น 1 ที่ค่าเบี้ยประกันสูงสุดในบรรดาประกันรถยนต์ก็จะได้รับความคุ้มครองอย่างครอบคลุม ทั้งเจ้าของกรมธรรม์และคู่กรณี หรือ ถ้าขับรถชนแบบไม่มีคู่กรณี ก็ได้รับความคุ้มครองเช่นกัน
แต่พอจะ ต่อประกันรถยนต์ ในปีในถัดไป ทางบริษัทประกันกลับเพิ่ม “ค่าเบี้ยประกัน” ทำให้จากที่ต้องการซื้อประกันรถเพื่อป้องกันความเสี่ยง กลับกลายเป็นการเพิ่มภาระที่หนักอึ้ง แล้วแบบนี้ควรเปลี่ยนบริษัทประกันดีไหม?
มีอยู่จริง! เคลมประกันรถ แล้วโดนเพิ่มค่าเบี้ยประกัน
เจ้าของกรมธรรม์ประกันภัยคงเข้าใจกันอยู่แล้วว่า หน้าที่หลักของกรมธรรม์ประกันรถยนต์ คือ การกระจายความเสี่ยง ซึ่งการเคลมประกันรถยนต์ ก็ตอบโจทย์ความเสี่ยงที่ว่าเป็นอย่างดี แล้วบริษัทประกันมีเหตุผลอะไรถึงเพิ่ม ค่าเบี้ยประกันรถยนต์
สาเหตุที่บริษัทประกัน เพิ่มค่าเบี้ยประกันรถยนต์ ก็อาจเป็นเพราะ เจ้าของกรมธรรม์ขับรถไม่ดี เป็นฝ่ายผิดอยู่ทุกครั้ง เมื่อมีการเคลมประกันรถยนต์ หรืออาจเคลมบ่อยเกินขีดจำกัดของวงเงินสูงสุดที่ถูกระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย เพื่อไม่ให้ขาดทุน บริษัทจึงมักจะเพิ่มค่าเบี้ยประกันในปีถัดไป
ประวัติการขับขี่ไม่ดี จึงโดนเพิ่มค่าเบี้ยประกันรถยนต์
เมื่อผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยถูกเลื่อนสถานะจากผู้มีประวัติดีเลิศ พร้อมรับส่วนลดเบี้ยประกันในปีถัดไป กลายเป็นผู้มีประวัติขับขี่ไม่ดี ที่พ่วงมาด้วย ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ ที่เพิ่มขึ้นจากเดิม หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ เคลมประกันรถยนต์ เพราะรถชนบ่อย ๆ อย่าเพิ่งตื่นตระหนกจนเกินไป ถ้าทุกครั้งที่เคลมประกันรถยนต์คุณไม่ใช่ฝ่ายผิดเลยสักครั้ง โอกาสที่จะโดนเพิ่มเบี้ยประกันก็เท่ากับศูนย์ แต่ถ้าคุณคือคนผิดทุกครั้ง เรื่องก็จะกลับตาลปัตรในทันที
เคลมบ่อย เกินวงเงิน อาจโดนยกเลิกกรมธรรม์
ความประมาทเป็นต้นเหตุทั้งหมด ทำให้เจ้าของกรมธรรม์ต้องส่งเรื่อง เคลมประกันรถยนต์ อยู่ร่ำไป เดี๋ยวก็ขับรถชนต้นไม้ ขับรถชนแบริเออร์ หรือขับรถชนคันอื่น เมื่อส่งเรื่องเคลมประกันไปที่บริษัทประกันบ่อยเข้า ก็อาจทำให้บริษัทประกันเริ่มพิจารณาว่า เจ้าของกรมธรรม์เป็นฝ่ายผิดกี่ครั้ง และมีค่าใช้จ่ายในการเคลมประกันเกิน 200% ของเบี้ยประกันหรือไม่
เพราะเรื่องหลังจากนี้จะไม่ใช่แค่เพิ่มเบี้ยประกันในปีถัดไปอีกแล้ว อาจลามไปถึงถูกบริษัทประกันรถยนต์ปฏิเสธการต่อประกันรถยนต์ในปีถัดไป หรือร้ายที่สุดคือ ขอยกเลิกกรมธรรม์ แบบยังไม่ครบรอบวันหมดอายุได้อีกด้วย
3 วิธี หลีกเลี่ยงการเพิ่ม ค่าเบี้ยประกัน จากบริษัทประกันภัย
อ่านมาถึงตรงนี้ เจ้าของกรมธรรม์ประกันภัยหลายคนคงกังวลใจแล้วว่า จะโดนยกเลิกกรมธรรม์กลางคันไหม หรือจะติด แบล็คลิสส์จากบริษัทประกันภัยเมื่อไหร่ เพราะว่าตั้งแต่รอบล่าสุดที่ต่อประกันรถยนต์ก็เคลมไปแล้ว โอกาสที่จะ โดนยกเลิกกรมธรรม์ประกันรถ หรือเพิ่มค่าเบี้ยประกันก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ ประกันติดโล่มีวิธีหลีกเลี่ยงมาแนะนำกันครับ!
-
ไม่ขับรถชน ประวัติดี ไร้รอยขีดข่วน
ถ้าประวัติการขับขี่ไม่ดี รถชนบ่อย เคลมบ่อย หากไม่อยากให้ค่าเบี้ยประกันเพิ่ม ก็ต้องทำในสิ่งที่ตรงข้ามกันคือ ขับรถให้ระวังมากขึ้น สร้างประวัติการขับขี่ที่ดี พยายามเคลมน้อยลงหรือไม่เคลมเลย เพื่อเพิ่มโอกาสในการได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันการขับขี่ดีอีกครั้งในปีถัดไป
แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่จะไม่ชนเลย เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าคู่กรณี หรือผู้ขับขี่บนท้องถนนจะมีแนวคิดแบบเดียวกันไหม และอุบัติเหตุเป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ อย่างไรก็ตามถ้าเราไม่ใช่ฝ่ายผิด ก็โล่งใจไปได้เปราะหนึ่ง
-
เปลี่ยนประเภทประกันรถยนต์
ถ้ากำลังหนักใจว่า ไม่สามารถคอนโทรลอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้เลย ปกติเป็นคนซุ่มซ่าม ไม่ค่อยระมัดระวังเท่าไหร่ในการขับรถ เดี๋ยวก็ชนขอบทางเท้า เดี๋ยวก็ขูดกับกำแพง รถเป็นรอย หรืออุบัติเหตุยิบย่อยเหลือคณานับ
แนะนำว่าลองเปลี่ยนประเภทประกันรถยนต์ดูดีกว่าครับ โดยเปลี่ยนจากประเภทกรมธรรม์ที่ใช้อยู่ ให้จ่ายค่าเบี้ยประกันถูกลง เช่น เปลี่ยนจากประกันรถยนต์ ชั้น 1 เป็น ประกันกันรถ ชั้น 2+ ที่ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ถูกลง
แต่แน่นอนว่า สิ่งที่ต้องแลกคือความเสี่ยงที่ไม่ครอบคลุม เพราะฉะนั้นต้องพิจารณาควบคู่กันด้วยว่า ใช้รถบ่อยแค่ไหน มีนิสัยการขับขี่อย่างไร และอายุรถมีการใช้งานมานานเท่าไหร่
-
ส่วนลดค่าเบี้ยประกันเพิ่มเติม
วิธีลดค่าเบี้ยประกัน มีให้เลือกใช้หลายวิธี แต่วิธีที่ถูกแนะนำ โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ชี้แจ้งเอาไว้ก็คือ การติดกล้องรถยนต์ เพื่อรับส่วนลดเบี้ยประกัน
โดยการติดกล้องรถยนต์จะช่วยลดค่าเบี้ยประกันไปได้ประมาณร้อยละ 5-10 ของเบี้ยประกันภัยสุทธิ ซึ่งมาตรการนี้หากบริษัทประกันภัยไม่ยอมลดค่าเบี้ยประกันภัยให้ ก็จะมีโทษปรับไม่เกิน 300,000 บาท
ทั้งนี้ ก็เพื่อกระตุ้นให้ผู้ขับขี่ทุกคนมีวินัยมากขึ้น เมื่อได้ติดกล้องหน้ารถ และมีส่วนลดเพื่อคืนกำไรให้กับผู้ถือประกันภัยภาคสมัครใจ นอกจากนี้ ยังสามารถถอนเคลมได้ ถ้ากรณีที่รถเสียหายเล็ก ๆ น้อย ๆ และสามารถซ่อมเอง ก็จะทำให้ไม่มีประวัติการเคลมกับบริษัทประกันภัยนั่นเอง
ไหวตัวทัน! เปลี่ยนประกันรถยนต์ กับ ประกันติดโล่
ถ้าตัดสินใจดีแล้วว่า พอกันทีกับบริษัทประกันรถยนต์เจ้าล่าสุด ก็ถึงเวลาที่จะเสาะหาบริษัทประกันใหม่ ๆ ให้กับรถยนต์ของคุณ สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนประกันรถยนต์ ประกันติดโล่ ช่วยคุณได้!
ทำไมต้อง ซื้อประกันรถยนต์กับประกันติดโล่?
จะมีอะไรดีไปกว่า ติดต่อ Call Center ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้คุณไม่ต้องรอคอยความช่วยเหลือแบบข้ามวันข้ามคืน หรืออยากเคลมรถก็ไม่ต้องกังวล เพราะต่อให้ผ่อนประกันรถยนต์อยู่ ก็สามารถส่งเคลมได้ทันทีตั้งแต่วันแรกที่เริ่มผ่อน ที่สำคัญ ประกันติดโล่มีบริษัทประกันชั้นนำให้คุณเลือกได้อีกเพียบ
- วิริยะประกันภัย
- คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย
- กรุงเทพประกันภัย
- เมืองไทยประกันภัย
- ธนชาตประกันภัย
- แอลเอ็มจี ประกันภัย
- ทิพยประกันภัย
- ประกันภัยไทยวิวัฒน์
- เออร์โกประกันภัย
- อลิอันซ์ อยุธยา
- แอกซ่าประกันภัย
- เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย
- กรุงไทยพาชินประกันภัย
- ชับบ์สามัคคีประกันภัย
- ซมโปะ ประกันภัย
สรุป
เคลมประกันรถ จะไม่โดนคิดค่าเบี้ยประกันเพิ่มในปีถัดไป หากคุณไม่ใช่ฝ่ายผิด แต่ในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิดทุกครั้ง บริษัทประกันภัยมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเพิ่ม ค่าเบี้ยประกัน เพราะคุณใช้การเคลมเกินวงเงินที่ถูกระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ หากขับรถดี ชนไม่บ่อย ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนบริษัทประกัน แต่ถ้าอยากเปลี่ยนบริษัทประกันเพื่อตรงกับการใช้งาน ประกันรถยนต์จากประกันติดโล่ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี
หากต้องการซื้อประกันรถยนต์แบบผ่อน โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ประกันติดโล่ พร้อมให้บริการครับ เลือกผ่อนสบาย ๆ 0% สูงสุด 10 งวด ไม่มีค่าธรรมเนียมบวกเพิ่ม ดูแลครอบคลุมทันทีที่เริ่มผ่อน พร้อมบริการอย่างมืออาชีพ!
- ราคาประกันรถยนต์คุ้มค่า ผ่อนสดได้ สูงสุด 10 งวด
- ผ่อนเบา ๆ สบาย ๆ ไม่มีดอกเบี้ย หรือค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
- คุ้มครองทันที ผ่อนอยู่ ก็เคลมได้!
- ประกันครบทุกชั้น กว่า 15 บริษัทชั้นนำ
- มีมากกว่า 1,000 สาขาทั่วประเทศ