ขับรถทางไกลเช็กอะไรบ้าง สำหรับรถยนต์ทุกประเภท
สิ่งสำคัญของการขับรถไม่ว่าจะระยะทางใกล้หรือไกล คือ ต้องแน่ใจว่ารถของคุณอยู่ในสภาพที่ดีและพร้อมสำหรับทุกการเดินทาง โดยเฉพาะการขับรถทางไกลเช็คอะไรบ้าง ต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบและใส่ใจในทุกรายละเอียดเป็นพิเศษ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณและเพื่อนร่วมทางจะถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย ไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างทางโดยเฉพาะการขับรถกลางคืน ประกันติดโล่จึงได้รวบรวม 12 ข้อสำคัญที่คุณต้องเช็กก่อนเริ่มขับรถทางไกล และการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทาง
12 ข้อสำคัญก่อนขับรถทางไกลควรเช็กอะไรบ้าง ?
นอกจากเพื่อความปลอดภัยของคุณและผู้อื่นบนท้องถนนแล้ว การให้ความสำคัญกับการขับรถทางไกลเช็คอะไรบ้างนั้น ถือเป็นการดูแลรักษาสภาพรถของคุณได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ดังนั้น ให้ใช้เวลาเช็กสภาพรถก่อนออกเดินทางไกลเสมอ ก็จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุ ความเสียหาย หรือการซ่อมแซมที่มีค่าใช้จ่ายสูง และเพิ่มความสบายใจตลอดการเดินทางได้อย่างแน่นอน
1. ยางรถยนต์
สิ่งสำคัญอย่างแรกที่ควรเช็กก่อนขับรถทางไกล คือ ยางรถยนต์ เพราะเป็นส่วนที่ต้องสัมผัสกับพื้นถนนอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยางรถยนต์มีบทบาทสำคัญในเรื่องความปลอดภัยและสมรรถนะโดยรวมของรถ คือมีผลโดยตรงต่อการควบคุมรถ การทรงตัว และประสิทธิภาพในการเบรก นอกจากการเปลี่ยนยางรถยนต์ตามอายุการใช้งานแล้ว อย่าลืมเช็กและเติมลมยางรถยนต์ให้เหมาะสมตามประเภทของรถและน้ำหนักที่บรรทุกตลอดการเดินทางด้วย
รถแต่ละประเภทต้องเติมลมยางเท่าไหร่ ประกันติดโล่สรุปให้!
- รถยนต์ขนาดเล็ก ควรเติมลมยางประมาณ 25-30 PSI
- รถยนต์ขนาดกลาง ควรเติมลมยางประมาณ 30-35 PSI
- รถกระบะ (ไม่บรรทุก) ควรเติมลมยางประมาณ 35-40 PSI
- รถตู้ (บรรทุก 7-10 คน) ควรเติมลมยางประมาณ 43-55 PSI
2. เบรก
ระบบเบรกที่ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพอาจทำให้รถสูญเสียการควบคุมและนำไปสู่อุบัติเหตุได้ โดยเฉพาะผ้าเบรกซึ่งเป็นส่วนที่จะช่วยชะลอความเร็วหรือหยุดรถ หากรู้สึกว่าขณะขับรถแล้วสัมผัสการเบรคไม่เหมือนเดิม อาจเป็นสัญญาณให้คุณต้องเปลี่ยนผ้าเบรครถ เพราะผ้าเบรกที่สึกหรออาจทำให้รถใช้เวลานานขึ้นเมื่อต้องการหยุด ประสิทธิภาพการเบรกลดลง และอาจทำให้จานเบรกเสียหายได้ อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องเช็กคือ น้ำมันเบรก เพราะมีความจำเป็นต่อการส่งแรงจากแป้นเบรกไปยังผ้าเบรก หากระดับน้ำมันเบรกต่ำ อาจทำให้สูญเสียกำลังในการเบรกได้ด้วยนั่นเอง
3. แบตเตอรี่
แบตเตอรี่เป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบไฟฟ้ารถยนต์ ซึ่งจะให้พลังงานเพื่อการสตาร์ทรถและสั่งงานส่วนประกอบต่าง ๆ เช่น ไฟหน้า เครื่องเสียง และระบบปรับอากาศ หากแบตเตอรี่หมดอาจทำให้รถดับกลางทางหรือไม่สามารถสตาร์ทรถได้ ดังนั้นควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่มีอายุเกินสามปี หรือเมื่อเริ่มรู้สึกว่าสตาร์ทรถยาก และหากมีร่องรอยการสึกหรอ ขั้วรั่ว ก็ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ก่อนขับรถทางไกล
4. น้ำมันเครื่อง
น้ำมันเครื่องเป็นส่วนสำคัญในการทำงานของเครื่องยนต์ และจำเป็นต้องตรวจสอบเป็นประจำเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะหากระดับน้ำมันเครื่องต่ำอาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดและไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อาจทำให้เครื่องยนต์เสียจนนำไปสู่การซ่อมแซมที่มีค่าใช้จ่ายสูง แนะนำให้เช็กระดับน้ำมันเครื่องเมื่อเครื่องยนต์เย็น และเปลี่ยนตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ
5. น้ำมันเกียร์
น้ำมันเกียร์เป็นส่วนสำคัญในการทำงานของระบบเกียร์ น้ำมันเกียร์มีหน้าที่ช่วยลดแรงเสียดทานและการสึกหรอของเกียร์และลูกปืน อีกทั้งยังช่วยกระจายหรือถ่ายเทความร้อนอีกด้วย ระดับน้ำมันเกียร์ต่ำหรือน้ำมันเกียร์คุณภาพต่ำอาจทำให้เกียร์ลื่นหรือร้อนเกินไป ทำให้สูญเสียการควบคุมรถได้ และหากระบบเกียร์ทำงานผิดปกติอาจนำไปสู่การซ่อมแซมที่มีค่าใช้จ่ายสูง หรืออาจถึงขั้นที่ต้องเปลี่ยนเกียร์ลูกใหม่ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง
6. แอร์
อย่ามองข้ามการเช็กแอร์และน้ำยาแอร์ โดยเฉพาะเมื่อต้องขับรถทางไกลในประเทศไทยที่อากาศร้อนสุด ๆ แอร์จะช่วยควบคุมอุณหภูมิภายในรถและทำให้คนขับและผู้โดยสารรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง เพราะการขับรถเป็นเวลานานในสภาพอากาศที่ร้อน อาจทำให้คนขับเกิดความเมื่อยล้าและทำให้เสียสมาธิในการขับขี่ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้
7. ไฟรถยนต์
ไฟรถยนต์มีความสำคัญต่อทัศนวิสัยของผู้ขับขี่เป็นอย่างมาก และทำให้รถคันอื่นบนท้องถนนมองเห็นรถของคุณได้อย่างชัดเจน การขับรถทางไกลอาจต้องขับทั้งในช่วงเวลาที่มืด หรือในช่วงสภาพอากาศที่ยากต่อการมองเห็น ดังนั้นจำเป็นต้องเช็กไฟรถยนต์ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว และไฟฉุกเฉินต่าง ๆ ต้องทำงานได้ตามปกติทุกดวง และอย่าลืมศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ไฟฉุกเฉินรถยนต์ให้ถูกต้องด้วย
8. หยุดพัก
การขับรถทางไกลจะต้องหยุดพักเป็นประจำเพื่อความปลอดภัยของคุณและป้องกันความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ แนะนำให้หยุดพักทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง หรือเมื่อรู้สึกเมื่อยล้าหรือง่วงนอน การขับรถในขณะที่เหนื่อยล้าอาจทำให้ความสามารถในการตอบสนองลดลง การตัดสินใจบกพร่อง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้นั่นเอง อีกทั้งยังเป็นการพักเครื่องยนต์ก่อนออกเดินทางต่อได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เมื่อพักรถต้องดับเครื่องยนต์หรือไม่? ประกันติดโล่สรุปให้!
- เครื่องยนต์เบนซิน สามารถดับเครื่องได้ทันที
- เครื่องยนต์ดีเซล ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีแล้วจึงดับเครื่อง
เนื่องจากระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ดีเซล จะหยุดทำงานเมื่อดับเครื่อง จึงอาจทำให้เกิดความร้อนสะสมหากดับเครื่องทันที ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อรถของคุณ และก่อนเข้าจุดพักรถควรชะลอความเร็วของรถลงด้วย
9. ศึกษาเส้นทาง
นอกจากการขับรถทางไกลเช็คอะไรบ้างเกี่ยวกับตัวรถ ประกันติดโล่แนะนำให้เช็กหรือศึกษาเส้นทางการเดินทางไปพร้อม ๆ กันด้วย เพื่อให้แน่ใจว่ารถของคุณมีความพร้อมที่จะเดินทางไปยังเส้นทางนั้น ๆ โดยเฉพาะการเดินทางขับรถขึ้นเขาเพื่อความปลอดภัย วางแผนเส้นทางที่อำนวยความสะดวกในการเดินทางมากที่สุด เพื่อเป็นการประหยัดเวลาในการเดินทางและประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย
10. อุปกรณ์ติดรถยนต์
อย่าลืมเช็กอุปกรณ์ติดรถยนต์ที่จำเป็นต่าง ๆ ว่าอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่ อย่างเช่นอุปกรณ์ในการซ่อมรถฉุกเฉิน การเปลี่ยนยางและล้ออะไหล่ สายพ่วงแบตเตอรี่ เป็นต้น เพื่อเอาตัวรอดหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นกลางทาง และที่สำคัญอย่าลืมศึกษาวิธีการใช้งานอุปกรณ์เหล่านั้นได้อย่างถูกต้องด้วย
11. พ.ร.บ.รถยนต์
พ.ร.บ.รถยนต์ เป็นประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับที่กฎหมายจราจรบังคับให้รถทุกคันต้องมีพ.ร.บ. ที่จะให้ความคุ้มครองผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้เอาประกัน คู่กรณี หรือบุคคลรอบข้างที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ดังนั้นก่อนออกเดินทางอย่าลืมเช็กว่าพ.ร.บ.รถขาดหรือไม่ หากขาดให้รีบดำเนินการต่อพ.ร.บ.รถที่สะดวก ทำได้ง่าย ๆ ภายใน 5 นาที
12. ประกันรถ
พ.ร.บ.รถยนต์และประกันรถยนต์แตกต่างกันตรงที่ประกันรถยนต์จะเป็นประกันรถภาคสมัครใจ เป็นการเลือกซื้อความคุ้มครองตามความพึงพอใจของคุณ ผู้ซื้อทำด้วยความสมัครใจ ไม่ได้ถูกบังคับโดยกฎหมายเหมือนกับพ.ร.บ. ซึ่งประกันรถจะมีความคุ้มครองให้เลือกหลายรูปแบบ เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองสูงสุดได้อย่างที่ต้องการ มีทั้งประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์ ประกันภัยรถยนต์ ไปจนถึงประกันรถบรรทุก ใครที่ทำประกันรถอยู่แล้ว อย่าลืมเช็กและวางแผนเพื่อต่อประกันรถก่อนออกเดินทางเสมอ เพราะอุบัติเหตุเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้ต่อให้คุณจะขับรถด้วยความระมัดระวังมากเพียงใดก็ตาม
สรุปขับรถทางไกลเช็กอะไรบ้าง
หลายคนคงหมดความกังวลว่าขับรถทางไกลเช็คอะไรบ้าง เพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยระหว่างการเดินทางไกล เพียงทำตามที่ประกันติดโล่แนะนำข้างต้น รับรองว่าการเดินทางในครั้งนี้หรือทริปท่องเที่ยวสำคัญของคุณ จะดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีความสุขตลอดการเดินทางอย่างแน่นอน และเมื่อเช็กความพร้อมรถของคุณเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมเช็กความพร้อมสภาพร่างกายของคนขับด้วย พักผ่อนให้เพียงพอก่อนออกเดินทางไกลเสมอ