รถไฟฟ้าน้ำท่วม ขับลุยน้ำจะเป็นอะไรไหม ขับยังไงให้ปลอดภัย
ในช่วงหน้าฝนที่มักจะเกิดปัญหาน้ำท่วมขังตามท้องถนน ทำให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) หลายคนอดไม่ได้ที่จะกังวลว่า ถ้ารถไฟฟ้าน้ำท่วมจะเป็นอันตรายหรือไม่? รถไฟฟ้าลุยน้ำได้ไหม? โดยเฉพาะความเข้าใจผิดที่ว่า เมื่อน้ำท่วมรถไฟฟ้าอาจเกิดไฟช็อตหรือระเบิดนั้น ความจริงแล้วรถยนต์ไฟฟ้าออกแบบมาให้มีความปลอดภัยสูง พร้อมรับมือกับสภาพอากาศโดยเฉพาะในช่วงที่ฝนตก บทความนี้ประกันติดโล่จะมาไขข้อข้องใจ พร้อมแนะนำวิธีการขับขี่รถ EV อย่างปลอดภัยเมื่อฝนตกกันครับ
รถไฟฟ้าน้ำท่วม ขับรถไฟฟ้าลุยน้ำได้ไหม?
“รถไฟฟ้าขับลุยน้ำได้” แต่ระดับน้ำไม่ควรเกินล้อรถ หรือประมาณ 40 เซนติเมตร เนื่องจากรถไฟฟ้าออกแบบให้มีระบบป้องกันน้ำได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะส่วนประกอบสำคัญอย่างแบตเตอรี่ที่ติดตั้งอยู่ด้านล่างของตัวรถ โดยผู้ผลิตรถไฟฟ้าได้กำหนดมาตรฐานการป้องกันน้ำด้วยระบบ IP (Ingress Protection) คือ มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น ซึ่งรถไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานจะต้องมีค่า IP ไม่ต่ำกว่า IP67 และสูงสุดถึง IP69 โดยระดับ IP67 จะป้องกันน้ำเมื่อรถจมน้ำได้ลึก 1 เมตร นานถึง 30 นาที
ดังนั้น ข้อควรระวังเมื่อต้องขับรถไฟฟ้าลุยน้ำ คือ ไม่ควรขับรถลุยน้ำท่วมสูงเป็นเวลานานเกิน 30 นาที เพราะยิ่งนานก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่น้ำจะซึมเข้าสู่ระบบแบตเตอรี่ได้ แต่หากเกิดกรณีไฟฟ้าช็อตขึ้นมาจริงๆ ผู้ขับขี่ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะระบบจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติทันที
มาตรฐานความปลอดภัยของรถยนต์ไฟฟ้า
รถยนต์ไฟฟ้าได้พัฒนาให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยแม้ในขณะที่ฝนตก ด้วยระบบป้องกันที่ครอบคลุมทุกส่วนประกอบสำคัญ โดยเฉพาะมอเตอร์และแบตเตอรี่ที่ได้รับการปกป้องอย่างดีด้วยฉนวนไฟฟ้าคุณภาพสูง ผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล
นอกจากนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายังได้ติดตั้งระบบความปลอดภัยด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับไฟฟ้ารั่ว หากตรวจพบการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า ระบบจะส่งสัญญาณเตือน และตัดการทำงานของระบบไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ พร้อมยังมีระบบป้องกันการลัดวงจรลงดิน หรือ Ground Fault Protection ที่ช่วยป้องกันอันตรายจากการลัดวงจรที่อาจเกิดขึ้นเมื่อกระแสไฟฟ้ารั่วไหลลงสู่พื้น
ขับรถไฟฟ้าลุยน้ำยังไงให้ปลอดภัยมากที่สุด
หลักการขับขี่ลุยน้ำของรถไฟฟ้า และรถเครื่องยนต์สันดาปไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะทั้งสองประเภทต่างมีข้อจำกัด และความเสี่ยงที่คล้ายคลึงกันเมื่อต้องเผชิญกับน้ำท่วมขัง ดังนี้
- กรณีที่น้ำท่วมขังมีระดับความสูงไม่เกินครึ่งล้อรถ
ความสูงของน้ำไม่เกินล้อรถ หรือประมาณ 40 เซนติเมตร ถือว่ายังสามารถขับผ่านได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ควรลดความเร็วลง และรักษาความเร็วให้สม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำกระเซ็นเข้าสู่ระบบต่างๆ การขับขี่ด้วยความเร็วต่ำยังช่วยให้คุณประเมินสถานการณ์ได้ดีขึ้นด้วย
- กรณีที่น้ำท่วมขังมีระดับสูงกว่าครึ่งล้อ หรือใกล้เคียงกับระดับขอบประตูรถ
ผู้ขับขี่ควรหลีกเลี่ยงการขับผ่าน และควรหาที่จอดรถในบริเวณที่สูงกว่าระดับน้ำ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่น้ำจะแทรกซึมเข้าสู่ระบบแบตเตอรี่ และส่วนประกอบสำคัญต่างๆ ของรถ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงได้
- กรณีที่จำเป็นต้องขับผ่านน้ำท่วมขังที่มีระดับสูง
ควรจำกัดระยะเวลาในการลุยน้ำไม่ให้เกิน 5-15 นาที เพราะแม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีระบบป้องกันน้ำที่ได้มาตรฐาน แต่การสัมผัสกับน้ำเป็นเวลานานอาจทำให้น้ำค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่ระบบต่างๆ ได้ จนอาจทำให้ระบบไฟฟ้าเกิดการขัดข้อง และรถดับกลางทางได้
หากรถ EV น้ำท่วม รถดับ ประกันคุ้มครองไหม?
หากรถ EV น้ำท่วมสูงจนทำให้เครื่องยนต์ดับ และจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตทั้งชุดประกันคุ้มครองไหม?
การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองความเสียหายกรณีรถ EV น้ำท่วม แต่ต้องผ่านขั้นตอนการประเมินความเสียหายจากบริษัทประกันก่อน โดยผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจสอบสาเหตุ และระดับความเสียหายที่เกิดขึ้น หากพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายเกิดจากน้ำท่วมจริง และเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์ บริษัทประกันก็จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ใหม่ทั้งชุด
อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจทำประกันรถยนต์ไฟฟ้า ผู้เอาประกันควรศึกษารายละเอียด และเงื่อนไขความคุ้มครองอย่างละเอียด โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายจากน้ำท่วม ควรสอบถามเงื่อนไขการเคลมประกันกรณีแบตเตอรี่เสียหาย วงเงินความคุ้มครองสูงสุด รวมถึงข้อยกเว้นต่างๆ ที่อาจทำให้คุณไม่ได้รับความคุ้มครองด้วย
สรุป รถไฟฟ้าน้ำท่วม ขับรถไฟฟ้าลุยน้ำได้
หากความสูงของระดับน้ำไม่เกินล้อรถ หรือประมาณ 40 เซนติเมตร ถือว่ายังสามารถขับรถไฟฟ้าผ่านได้ แต่การตัดสินใจที่ดีที่สุดเมื่อต้องเดินทางตอนฝนตกหนัก คือ การหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีน้ำท่วมขังสูง และวางแผนเส้นทางการเดินทางล่วงหน้า โดยตรวจสอบข้อมูลสภาพการจราจร และระดับน้ำในเส้นทางต่างๆ ก่อนออกเดินทาง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยง และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถไฟฟ้าของคุณได้ดีที่สุด อีกทั้งการวางแผนทำประกันรถยนต์จะช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้รถใช้ถนนได้อย่างแน่นอนครับ
ที่มา: กรมการขนส่งทางบก