รถเข้าเกียร์ไม่ได้เกิดจากอะไร หากเจออาการแบบนี้ต้องทำยังไง
คงไม่มีใครอยากเจอปัญหารถเข้าเกียร์ไม่ได้ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่สร้างความกังวลใจให้เจ้าของรถ ถ้าขับรถอยู่ดีๆ แล้วเข้าเกียร์ไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องขับรถทางไกล มาทำความเข้าใจกันว่า รถเข้าเกียร์ไม่ได้เกิดจากอะไร เพื่อให้คุณรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายรุนแรงต่อรถยนต์ และอาจช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถได้ในระยะยาว
ปัญหาที่พบบ่อยเมื่อรถเข้าเกียร์ไม่ได้
ระบบเกียร์รถยนต์มีหน้าที่สำคัญในการควบคุมความเร็ว และกำลังของเครื่องยนต์ โดยการปรับอัตราทดระหว่างความเร็วรอบของเครื่องยนต์กับความเร็วของล้อรถ ช่วยให้รถเคลื่อนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาวะการขับขี่ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกตัว การเร่งความเร็ว หรือการขับขี่ที่ความเร็วคงที่
แต่เมื่อระบบเกียร์ทำงานผิดปกติจนทำให้รถเข้าเกียร์ไม่ได้ หรือรถเกียร์พัง อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งในรถเกียร์ธรรมดาและเกียร์ออโต้ โดยปัญหาที่บ่อยมีดังนี้
- น้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพหรือขาด
น้ำมันเกียร์มีหน้าที่หล่อลื่น และระบายความร้อนให้กับชิ้นส่วนต่างๆ ของระบบเกียร์ เมื่อน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพ หรือมีปริมาณไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดความฝืด และความเสียหายต่อชิ้นส่วนภายในได้ ส่งผลให้การเข้าเกียร์ทำได้ยาก หรือไม่สามารถเข้าเกียร์ได้เลย
- ชิ้นส่วนภายในเกียร์เสียหาย
ฟันเฟืองเกียร์ หรือชิ้นส่วนอื่นๆ ภายในเกียร์ อาจเกิดความเสียหายจากการใช้งานเป็นเวลานาน หรือจากการใช้งานที่ผิดวิธี เช่น การเข้าเกียร์โดยไม่เหยียบคลัตช์ในรถเกียร์ธรรมดา หรือการเปลี่ยนเกียร์จาก D เป็น R ในขณะที่รถยังเคลื่อนที่ในรถเกียร์ออโต้
- คลัตช์สึกหรอหรือเสียหาย
ในรถเกียร์ธรรมดา คลัตช์ทำหน้าที่ส่งกำลังระหว่างเครื่องยนต์กับเกียร์ ถ้าคลัตช์สึกหรอหรือเสียหาย อาจไม่สามารถส่งกำลังได้อย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้เข้าเกียร์ไม่ได้ หรือเข้าเกียร์ได้ยากขึ้น
- ระบบล็อกเกียร์ทำงานผิดปกติ
รถเกียร์ออโต้จะมีระบบล็อกเกียร์เพื่อป้องกันการเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ตั้งใจ ถ้าระบบนี้ทำงานผิดปกติ อาจทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้แม้ว่าจะเหยียบเบรกแล้ว
- ระบบแรงดันน้ำมันเกียร์ผิดปกติ
แรงดันน้ำมันเกียร์มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ และการทำงานของคลัตช์ไฮดรอลิก ถ้าแรงดันต่ำเกินไป หรือไม่สม่ำเสมอ อาจทำให้เกียร์ลื่น เปลี่ยนเกียร์ได้ช้า หรือไม่สามารถเข้าเกียร์ได้เลย สาเหตุอาจมาจากปั๊มน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพ น้ำมันเกียร์รั่ว หรือวาล์วควบคุมแรงดันทำงานผิดปกติ
- บูชคันเกียร์สึกหรอ
บูชคันเกียร์จะเชื่อมต่อระหว่างท่อเกียร์กับเพลาเครื่องยนต์ เป็นส่วนประกอบสำคัญในระบบส่งกำลังของรถยนต์ เมื่อเกิดการสึกหรอมักจะทำให้เข้าเกียร์ยาก อาจสังเกตได้จากเสียงดังผิดปกติขณะเปลี่ยนเกียร์ หรือความรู้สึกหลวมของคันเกียร์
- ปัญหาท่อหายใจเกียร์
ท่อหายใจเกียร์ช่วยระบายอากาศและความร้อน การอุดตันของท่อนี้ไม่เพียงส่งผลให้เข้าเกียร์ยาก แต่อาจทำให้เกิดแรงดันสูงเกินไปภายในเกียร์ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน และอายุการใช้งานของชิ้นส่วนภายในระบบเกียร์ได้
อาการเตือนว่าระบบเกียร์อาจมีปัญหา ทำให้รถเข้าเกียร์ไม่ได้
การสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ ของรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญ ช่วยให้คุณเห็นปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะกลายเป็นปัญหารุนแรง และอาจต้องเสียค่าซ่อมแซมจำนวนมากในอนาคต อาการเตือนเมื่อรถเข้าเกียร์ไม่ได้อาจแตกต่างกันไประหว่างรถเกียร์ธรรมดา และรถเกียร์ออโต้ ดังนี้
อาการเตือนเมื่อรถเข้าเกียร์ไม่ได้ เกียร์ธรรมดา
- เข้าเกียร์ยาก: คุณอาจรู้สึกว่าต้องใช้แรงมากกว่าปกติในการเข้าเกียร์ หรือคันเกียร์มีความฝืดเมื่อพยายามเปลี่ยนเกียร์
- เสียงดังผิดปกติเมื่อเปลี่ยนเกียร์: อาจได้ยินเสียงครูด เสียงครืด เมื่อพยายามเข้าเกียร์ ซึ่งอาจเป็นอาการเตือนของปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเฟืองภายในเกียร์
- คันเกียร์สั่น: ถ้าคุณรู้สึกว่าคันเกียร์สั่นผิดปกติเมื่อพยายามเข้าเกียร์ อาจเป็นอาการของปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคลัตช์ หรือระบบส่งกำลัง
- คลัตช์ไม่ทำงาน: ถ้าคุณเหยียบคลัตช์แล้วรู้สึกว่าไม่มีแรงต้าน หรือคลัตช์ไม่ทำงานเลย อาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบคลัตช์
- กลิ่นไหม้: ถ้าคุณได้กลิ่นไหม้เมื่อพยายามเข้าเกียร์ อาจเป็นสัญญาณของคลัตช์ที่ร้อนเกินไป หรือน้ำมันเกียร์ที่เสื่อมสภาพ
- รถกระตุกเมื่อปล่อยคลัตช์: ถ้ารถกระตุกอย่างรุนแรงเมื่อคุณปล่อยคลัตช์ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคลัตช์ หรือระบบส่งกำลัง
อาการเตือนเมื่อรถเข้าเกียร์ไม่ได้ เกียร์ออโต้
- เปลี่ยนเกียร์ช้าหรือกระตุก: หากคุณสังเกตว่าการเปลี่ยนเกียร์ใช้เวลานานกว่าปกติ หรือมีอาการกระตุกเมื่อเปลี่ยนเกียร์ อาจเป็นอาการเตือนของปัญหาในระบบเกียร์ออโต้
- ไฟเตือนบนแผงหน้าปัด: หากมีไฟเตือนที่เกี่ยวข้องกับระบบเกียร์ หรือเครื่องยนต์สว่างขึ้นบนแผงหน้าปัด ควรตรวจสอบโดยเร็ว
- เสียงดังผิดปกติ: มีเสียงดังผิดปกติ เช่น เสียงหวีด เสียงครูด หรือเสียงกระแทก โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนเกียร์หรือเร่งความเร็ว
- น้ำมันเกียร์รั่ว: ถ้าพบรอยน้ำมันใต้รถ โดยเฉพาะบริเวณใกล้กับเกียร์ อาจเป็นสัญญาณของการรั่วไหลของน้ำมันเกียร์
- รถไม่ขยับเมื่อเข้าเกียร์: เข้าเกียร์ D หรือ R แล้วรถไม่ขยับ แม้ว่าจะเร่งเครื่องยนต์แล้วก็ตาม
- ไม่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้: ไม่สามารถเปลี่ยนเกียร์จากตำแหน่งหนึ่งไปยังอีกตำแหน่งหนึ่งได้ แม้ว่าจะเหยียบเบรกแล้ว
- รถสั่นผิดปกติ: โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนเกียร์ หรือเร่งความเร็ว
รถเข้าเกียร์ไม่ได้ให้ตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์ และระบบคลัตช์ก่อน
หากรถเข้าเกียร์ไม่ได้ให้ตั้งสติก่อน จากนั้นตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์ว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมไหม และตรวจสอบระบบคลัตช์ โดยวิธีการทดสอบคลัตช์รถเกียร์ออโต้สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้
- สตาร์ทรถในตำแหน่งเกียร์ P หรือ N
- จากนั้นใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรกให้สุดพร้อมกับดึงเบรกมือขึ้น
- เลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง R หรือ D4 (แนะนำให้ใช้ D4)
- ใช้เท้าขวาเหยียบคันเร่งให้สุด โดยระหว่างนี้ต้องไม่ปล่อยเบรกเท้าซ้ายเด็ดขาด เพื่อป้องกันรถพุ่งชน
- ถ้าเครื่องยนต์ดับทันที แสดงว่าคลัตช์ยังอยู่ในสภาพดี
- ถ้าตรวจเช็กเบื้องต้นแล้วอาการยังไม่หาย ให้โทรเรียกช่างเพื่อนำรถเข้าศูนย์ หรือเข้าอู่ต่อไป
รถเข้าเกียร์ไม่ได้ส่งเคลมประกันได้ไหม?
เจ้าของรถหลายคนอาจกำลังสงสัยว่า รถเข้าเกียร์ไม่ได้ส่งเคลมประกันได้ไหม? โดยทั่วไปแล้ว กรมธรรม์ประกันรถยนต์มักไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากการสึกหรอตามปกติ หรือความผิดปกติของระบบต่างๆ ของรถยนต์ ซึ่งรวมถึงปัญหาเกียร์พัง หรือกรณีที่รถเข้าเกียร์ไม่ได้ด้วย
ประกันรถยนต์ออกแบบมาเพื่อคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุ หรือเหตุไม่คาดฝัน เช่น การชน ไฟไหม้ หรือภัยธรรมชาติ การสึกหรอของชิ้นส่วนอย่างเกียร์ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการใช้งานตามปกติ จึงไม่อยู่ในขอบเขตการคุ้มครอง แต่คุณสามารถซื้อประกันรถที่ขยายความคุ้มครองครอบคลุมการซ่อมแซมระบบส่งกำลังรวมถึงเกียร์ได้ แม้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่อาจคุ้มค่าสำหรับรถที่มีการใช้งานบ่อย
สรุป หากรถเข้าเกียร์ไม่ได้ ตรวจเช็กเบื้องต้นด้วยตัวเองก่อน
การรู้สาเหตุเมื่อรถเข้าเกียร์ไม่ได้ และเช็กเบื้องต้นด้วยตัวเองก่อน จะช่วยให้คุณรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมั่นใจ ลดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายที่รุนแรงต่อรถยนต์ นอกจากนี้ การบำรุงรักษาที่ถูกต้อง และการใช้รถอย่างถูกวิธี จะช่วยยืดอายุการใช้งานของระบบเกียร์ และส่วนประกอบอื่นๆ ของรถยนต์ได้อีกด้วย และอย่าลืมวางแผนทำประกันรถยนต์ เพราะเราไม่รู้ว่าสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้นตอนไหน และไม่รู้ว่าจะมีความเสียหายอะไรเกิดขึ้นในระหว่างการเดินทางบ้าง
ที่มา: COCKPIT