กฎหมายคาร์ซีทใหม่ ใช้คาร์ซีทมือสองได้ไหม มีค่าปรับเท่าไหร่?​

ในที่สุดประเทศไทยก็จะประกาศใช้กฎหมายคาร์ซีทแล้ว ทำให้คนเป็นพ่อแม่ที่มีลูกน้อยหลายคนต้องกุมขมับเพราะว่าคาร์ซีทหรือเบาะนั่งเด็กที่นำเข้ามาจากต่างประเทศราคาแพงมากชนิดที่ว่าสวนทางกับเศรษฐกิจของไทยในตอนนี้สุด ๆ แต่ถึงจะบ่นว่าแพงแค่ไหนก็ต้องหาเงินมาซื้อคาร์ซีทเด็กอยู่ดี เพราะอุปกรณ์นี้จะช่วยชีวิตให้ลูกรักตอนเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น เพื่อเตรียมพร้อมในวันที่กฎหมายคาร์ซีทใช้งานแบบจริง ๆ มาดูกันว่า อายุเท่าไหร่ถึงจะเริ่มใช้คาร์ซีทเด็ก ถ้าไม่มีเบาะนั่งเด็กจะโดนค่าปรับเท่าไหร่ แล้วซื้อคาร์ซีทมือสองจะดีไหมนะ?

กฎหมายคาร์ซีทฉบับใหม่ อายุเท่าไหร่ถึงควรใช้ ฝ่าฝืนปรับเท่าไหร่?

จริง ๆ กฎหมายคาร์ซีทเริ่มใช้กันมานานแล้วในประเทศฝั่งยุโรป โดยกฎหมายคาร์ซีทบังคับให้รถทุกคันที่มีผู้โดยสารเป็นเด็กแรกเกิดหรือเด็กเล็กต้องใช้คาร์ซีทหรือเบาะนั่งเด็กเป็นอุปกรณ์ช่วยเหลือชีวิตเวลาเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งประกันติดโล่คิดว่าเป็นเรื่องน่ายินดีจริง ๆ ที่ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่กฎหมายคาร์ซีทเต็มรูปแบบ

เพราะสมัยที่ยังไม่มีกฎหมายคาร์ซีทจริงจัง หลายครอบครัวเวลาที่ต้องขับรถทางไกลพร้อมเด็กมักจะให้เด็กเล็กนั่งทับตักตนเองแล้วคาดเข็มขัดนิรภัย หรืออุ้มเด็กทารกไว้ในอ้อมอกแล้วออกเดินทางไปเลย ซึ่งวัฒนธรรมไม่ใช้คาร์ซีทเด็กแรกเกิดหรือเบาะนั่งเด็กนี้ ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุรถชนที่มีแต่ความสูญเสียอันเศร้าใจ

โดยราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศ พ.ร.บ.จราจรทางบกฉบับที่ 13 พ.ศ.2565 เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2565 เอาไว้ว่า ให้ยกเลิกความในมาตรา 123 ของ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 และใช้ข้อความที่แก้ไขฉบับนี้แทน ซึ่งกฎหมายคาร์ซีทฉบับใหม่ที่คนไทยทั้งประเทศจะต้องเริ่มใช้เร็ว ๆ นี้ ระบุเอาไว้ว่า

• ผู้ขับขี่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยไว้ตลอดเวลาขณะที่ขับรถ
• ผู้โดยสารที่นั่งเบาะหน้าหรือเบาะหลังต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาที่โดยสาร
• ผู้โดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องนั่งคาร์ซีท หรือมีวิธีป้องกันอันตรายในกรณีที่จะเกิดอุบัติเหตุ
• ผู้โดยสารที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซ็นติเมตรต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาที่โดยสารไม่ว่าจะนั่งเบาะหน้าหรือเบาะหลัง หรือมีวิธีป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
• ถ้าผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารมีสุขภาพร่างกายที่ไม่สามารถคาดเข็มขัดนิรภัยจะได้รับการยกเว้น แต่ต้องมีวิธีป้องกันอันตรายในกรณีที่อาจเกิดอุบัติเหตุด้วย

โดยกฎหมายคาร์ซีทฉบับใหม่นี้จะเริ่มใช้หลังจากที่ประกาศฉบับนี้ออกไปแล้ว 120 วัน และถ้าพ่อแม่คนไหนฝ่าฝืนไม่ใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กทารกแรกเกิด หรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กเล็ก มีโทษปรับสูงสุด 2,000 บาท

คาร์ซีทมือหนึ่งราคาแพงมาก ใช้คาร์ซีทมือสองทดแทนได้ไหม?

เมื่อกฎหมายคาร์ซีทใกล้ประกาศใช้งานมากเท่าไหร่ ราคาของคาร์ซีทก็แพงขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็นคาร์ซีทของเด็กแรกเกิด คาร์ซีทแบบกระเช้า หรือคาร์ซีทของเด็กเล็ก ซึ่งกฎหมายคาร์ซีทฉบับใหม่ที่กำลังจะใช้นี้ทำให้ประชาชนเดือดร้อนมาก เพราะว่าราคาของคาร์ซีทพุ่งสูงขึ้นจนเกือบเป็นเท่าตัวจากราคาเดิม

ส่งผลให้พ่อแม่หลายคนเริ่มมองหา “คาร์ซีทมือสอง” มาใช้งาน เพราะถึงแม้จะเป็นเบาะนั่งเด็กมือสอง แต่ก็ยังดีกว่าให้ลูกรักต้องใช้งานเข็มขัดนิรภัยที่ติดมากับรถไม่ได้เต็มประสิทธิภาพเพราะไม่ตรงกับสรีระ ดังนั้น ประกันติดโล่คิดว่าเรื่องราคาคาร์ซีทพุ่งสูงอย่างนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาควบคุมราคาแล้วนะครับ

ถ้าถามว่าใช้คาร์ซีทมือสองได้หรือเปล่า คำตอบคือ “ได้” แต่ประกันติดโล่คิดว่าไม่ควรเสี่ยงจะดีกว่า อย่าเอาชีวิตลูกรักไปฝากไว้กับคาร์ซีทมือสองที่ผ่านการใช้งานมาแล้วเลยครับ ดังนั้น ภาครัฐควรเข้ามาจัดการเรื่องนี้แบบจริง ๆ เสียที! แต่ถ้าคุณยังไม่เข้าใจว่าทำไมประกันติดโล่ถึงห้ามไม่ให้ซื้อคาร์ซีทมือสอง เรื่องนี้ก็มีคำตอบมาฝาก

กฎหมายคาร์ซีททำวุ่น! เหตุผลที่คุณต้องรู้ว่าคาร์ซีทมือสองนั้นไม่ดี

คาร์ซีทเป็นสินค้าที่มีภาษีนำเข้า เวลาจะวางขายในประเทศไทยราคาสุทธิเลยสูงมาก ทำให้คนเป็นพ่อแม่เกิดปัญหาว่าสู้ราคาคาร์ซีทไม่ไหว ดังนั้น ถ้าภาครัฐอยากให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายคาร์ซีท อีกหนทางหนึ่งคือเข้ามาควบคุมราคาคาร์ซีทไม่ให้สูงจนเกินไปกว่านี้ เช่น ลดอัตราภาษีนำเข้า เป็นต้น

เพราะถ้าภาครัฐเพิกเฉยต่อราคาคาร์ซีท เท่ากับว่าบีบบังคับให้พ่อแม่หลายคนต้องซื้อคาร์ซีทมือสองมาใช้แทน เพราะกลัวว่าจะทำผิดกฎหมายคาร์ซีทฉบับใหม่ ซึ่งคาร์ซีทมือสองที่ผ่านการใช้งานมาแล้วย่อมเสื่อมสภาพตามกาลเวลา จากส่งเสริมกลายเป็นว่าผลักดันให้ประชาชนออกห่างจากกฎหมายคาร์ซีทมากกว่าเดิม

คุณอาจจะรู้แล้วว่า ควรเลือกคาร์ซีทยี่ห้อไหน เลือกคาร์ซีทแบบไหนดี แต่ถ้าคุณคิดจะซื้อคาร์ซีทมือสอง ประกันติดโล่อยากบอกว่า “ไม่ควรซื้อคาร์ซีทที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไปนับจากวันที่ผลิต” เพราะคุณไม่รู้เลยว่าคาร์ซีทเด็กแรกเกิดมือสองที่ซื้อมานั้นผ่านอะไรมาบ้าง ดังนั้น นี่คือเหตุผลที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับคาร์ซีทมือสอง

• วัสดุของคาร์ซีทมือสองต้องมีบางตำแหน่งที่บุบสลายหรือยุบตัวลงเพราะผ่านการใช้งานมาอย่างหนักหน่วง ลองคิดดูว่าคุณแม่คนก่อนต้องพาคาร์ซีทไปตะลอนทั่วประเทศไทย อาจจะต้องยกขึ้นยกลงทำให้วัสดุขูดกับอุปกรณ์อื่น ๆ ในรถ รวมไปถึงโดนแดดเลียจนทำให้วัสดุบางอย่างเสียหายอีกด้วย
• คาร์ซีทมือสองที่ซื้อมาอาจผลิตมาแล้ว 4 ปีก่อน ทำให้เทคโนโลยีหรือวัสดุบางอย่างที่นำมาใช้ทำเบาะนั่งเด็กนั้นสู้กับคาร์ซีทมือหนึ่งที่ถูกผลิตในปีล่าสุดไม่ได้ อีกทั้งถ้าคาร์ซีทมือสองที่ซื้อมาเสียก็อาจจะไม่เหลืออะไหล่ไว้ซ่อมแซม เพราะเป็นรุ่นเก่าที่โรงงานเลิกผลิตไปแล้ว
• คาร์ซีทมือสองหมดอายุไขในการใช้งานตามที่โรงงานผลิตได้แจ้งไว้ แต่คุณไม่รู้เลยซื้อคาร์ซีทมือสองมาเพราะเห็นว่าราคาถูก เท่ากับว่าประสิทธิภาพเป็นศูนย์ ​ต่อให้จัดคาร์ซีทเด็กแรกเกิดได้ถูกท่าบนเบาะรถ ก็ไม่อาจป้องกันอุบัติเหตุได้ 100% เพราะในความเป็นจริงโรงงานผลิตได้ทดสอบแล้วว่าคาร์ซีทที่ผลิตออกมาแต่ละรุ่นควรมีระยะเวลาในการใช้งานกี่ปีถึงจะเสื่อมสภาพ เป็นต้น

ทั้งนี้ ถ้าซื้อคาร์ซีทเด็กแรกเกิด หรือเบาะนั่งนิรภัยเด็กเล็กแบบมือหนึ่งได้ก็ดีกว่า แต่ทุกคนจะเข้าถึงคาร์ซีทคุณภาพดี ๆ ได้ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าภาครัฐจะเข้ามาจัดการเรื่องราคาคาร์ซีทยังไงบ้างครับ

สรุป

คาร์ซีทมือสองสามารถใช้ได้ไม่ผิดกฎหมายแต่มีความเสี่ยง เพราะเป็นอุปกรณ์เบาะนั่งเด็กที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ซึ่งถ้าภาครัฐไม่เข้ามาควบคุมราคาคาร์ซีทหลังจากที่กฎหมายคาร์ซีทใช้จริง จะทำให้พ่อแม่หลายคนต้องเลือกซื้อคาร์ซีทมือสองหรือฝ่าฝืนกฎหมายแบบจำใจเพราะสู้ราคาไม่ไหว ดังนั้น ถ้าภาครัฐอยากลดอัตราการเสียชีวิตของเด็กเนื่องจากอุบัติเหตุ ไม่ควรเพิกเฉยต่อเรื่องนี้เลยนะครับ เพราะต่อให้ประชาชนจะซื้อประกันรถยนต์ หรือ พ.ร.บ.รถยนต์ แต่พวกเขาก็คงอยากได้คาร์ซีทมาเซฟชีวิตลูกรักระหว่างเดินทาง

ขอบคุณข้อมูลจาก : สถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร, ธนาคารแห่งประเทศไทย