มะเร็งเต้านม ภัยร้ายอันดับหนึ่งของผู้หญิง
1 ใน 6 ของการเสียชีวิตของสตรีทั่วโลกเกิดจากโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง
โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม ที่มีอัตราการพบมากที่สุดทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งมีอัตราการเกิดขึ้นมากกว่ามะเร็งปากมดลูกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 แม้ว่าทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจะร่วมมือกัน แต่ปริมาณผู้เป็นมะเร็งเต้านมก็ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลงแต่อย่างใด
เรามาดูกันว่าจริงๆ โรคร้ายแรงอันดับหนึ่งของผู้หญิงนี้คืออะไรกันแน่ แล้วเราควรป้องกัน และหาทางรักษามันได้อย่างไร
มะเร็งเต้านมคืออะไร
มะเร็งเต้านมเกิดจากการที่เซลล์เนื้อเยื่อบริเวณเต้านมมีการแบ่งตัวอย่างผิดปกติ และแปรเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็ง ซึ่งเซลล์มะเร็งนี้เป็นเซลล์ที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมตามปกติได้ ถ้าหากปล่อยไว้นานเข้าเซลล์มะเร็งจะลุกลามเข้าทำลายเนื้อเยื่อใกล้เคียง จนอวัยวะใช้การไม่ได้และอาจจะเสียชีวิตได้ในที่สุด
ความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านมจะเพิ่มขึ้นตามอายุที่มากขึ้น ช่วงอายุที่ตรวจพบมะเร็งเต้านมมากที่สุดคือหญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป และยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อีก เช่น การกลายพันธ์ุของเซลล์ คนในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งเต้านม ขาดการออกกำลังกาย หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แม้ว่ามะเร็งเต้านมจะถูกตรวจพบได้มากในผู้สูงอายุ แต่ว่าในปัจจุบันนั้นพบว่าในช่วงวัยรุ่นก็มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งเต้านมได้ ซึ่งคาดว่าเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำให้คนเหล่านี้มีโอกาสในการสัมผัสสารก่อมะเร็งมากขึ้น
สัญญาณอันตรายเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม
แม้มะเร็งจะเป็นสิ่งอันตรายมากแค่ไหน แต่มันก็สามารถรักษาได้หากตรวจพบเจอทันเวลา สิ่งสำคัญคือเราอย่าอาย หรือเกรงกลัวที่จะตรวจสอบ เพราะการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเสียแต่เนิ่นๆ แล้วเตรียมรับมือมันได้ ย่อมดีกว่าการที่รู้เมื่อสายแล้วทำอะไรไม่ทันอีกต่อไป
มะเร็งเต้านมนั้นสามารถตรวจสอบขั้นต้นด้วยตัวเองได้ระดับหนึ่งโดยสัญญาณที่น่าระวังเกี่ยวกับมะเร็งเต้านมมีดังนี้
- คลำเจอก้อนเนื้อแข็งบริเวณเต้านมหรือใต้แขน
- หัวนมบุ๋มลงไปแบบไม่ทราบสาเหตุ
- มีน้ำเหลืองหรือเลือดไหลออกมาจากหัวนม
- ผิวหนังบริเวณเต้านมเปลี่ยนไปจากผิดปกติ เกิดผื่น ผิวเปลือกส้ม
- มีความระคายเคือง เจ็บบริเวณเต้านมหรือหัวนม
- ขนาดและรูปร่างของเต้านมแตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญ
ซึ่งผู้หญิงที่อายุ 20 ปีขึ้นไปควรทำการตรวจสอบเต้านมขั้นต้นด้วยตนเองเดือนละครั้ง ทั้งการสังเกตด้วยสายตาและตรวจคลำด้วยมือ ผู้หญิงที่อายุ 40 ปีขึ้นไปควรตรวจสอบเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรมและการอัลตร้าซาวนด์อย่างน้อยปีละครั้ง
ทั้งนี้การตรวจสอบเต้านมจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดในช่วง 3-10 วันหลังหมดประจำเดือน เพราะเป็นช่วงที่เต้านมไม่คัดตึงจนเกินไป และควรตรวจด้วยความเบามือ ไม่ควรบีบเค้นด้วยความรุนแรง
การตรวจวินิจฉัยมะเร็งเต้านม
1. การตรวจเต้านมภายนอก
การตรวจเต้านมภายนอกนั้นแพทย์จะทำการตรวจสอบขั้นต้น คล้ายกับการที่เราตรวจสอบด้วยตนเอง คือดูลักษณะของเต้านม หัวนม ผิวหนังบริเวณรอบๆ นอกจากการสังเกตความผิดปกติของภายนอกเต้านมแล้ว ทางแพทย์จะทำการตรวจด้วยการคลำหาก้อนเนื้อแข็งที่เต้านมทั้งสองข้างไปจนถึงต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ด้วย
2. แมมโมแกรม
แมมโมแกรม (Mammogram) หรือการตรวจเต้านมด้วยเครื่องแมมโมกราฟี่ ที่จะฉายรังสีเอ็กซ์กำลังต่ำเพื่อเอ็กซ์เรย์ตรวจสอบ และสร้างภาพเนื้อเยื่อภายในเต้านมของเราขึ้นมา โดยการทำแมมโมแกรมนี้จะสามารถตรวจสอบมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม ทำให้เราสามารถเห็นความผิดปกติต่างๆที่เต้านมได้ทันท่วงที
3. อัลตร้าซาวด์
อัลตร้าซาวด์เป็นอีกวิธีที่ทางการแพทย์นิยมใช้เพื่อตรวจสอบมะเร็งเต้านม โดยการส่งคลื่นความถี่สูงเข้าไปเพื่อสร้างภาพสะท้อนของเสียงในร่างกายของเรา วิธีนี้สามารถตรวจสอบได้ทั้งก้อนเนื้อแบบแข็งและถุงน้ำในร่างกาย
4. การตรวจชิ้นเนื้อ
การตรวจชิ้นเนื้อจะเกิดต่อเมื่อแพทย์ตรวจสอบด้วยวิธีอื่น แล้วพบก้อนเนื้อที่มีความเสี่ยงว่าจะเป็นมะเร็งภายในร่างกาย จึงต้องทำการวินิจฉัยทางพยาธิวิทยาว่าชิ้นเนื้อต้องสงสัยนี้มีเซลล์มะเร็งปะปนหรือไม่ ซึ่งหากตรวจแล้วไม่พบเซลล์มะเร็ง ทางแพทย์อาจเสนอให้ผ่าตัดนำก้อนเนื้อออกเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของแพทย์แต่ละคน แต่ถ้าหากตรวจพบว่าเป็นเซลล์มะเร็ง ก็เข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป
การรักษา
มะเร็งเป็นโรคที่มีการรักษาหลายแบบ ขึ้นอยู่กับความระดับความร้ายแรง ซึ่งมะเร็งเต้านมเองก็ไม่ต่างกัน การรักษามะเร็งจะขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแพทย์ โดยมีวิธีรักษาหลักๆ ดังนี้
- การผ่าตัด
- การฉายรังสี
- เคมีบำบัด
- ฮอร์โมน
- ยารักษาเฉพาะจุด
- การปลูกถ่ายไขกระดูก/สเต็มเซลล์
- การรักษาตามวิธีทางอายุรกรรม ทานยา ดูแลสุขภาพร่างกาย
หากเป็นมะเร็งที่พบในระยะแรก ยังไม่ลุกลามและร้ายแรงมาก ก็ยังสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่คงดีกว่าหากเราลดความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งได้ด้วยตัวเอง
การลดความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านม
สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือทุกคนมีความเสี่ยงจะเกิดมะเร็งทั้งนั้น แต่จะมากหรือน้อยย่อมขึ้นอยู่กับตัวบุคคล หากไม่นับปัจจัยทางพันธุกรรม การใช้ชีวิตประจำวันก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่เราควรให้ความสนใจ เพราะมะเร็งเต้านมเป็นโรคที่มีอัตราการพบมากที่สุดในผู้หญิง
การออกกำลังกายและทานอาหารให้ครบห้าหมู่ในปริมาณที่พอเหมาะ เป็นวิธีเบื้องต้นที่สุดที่สามารถทำได้ในการหลีกเลี่ยงโรคร้ายต่างๆ มะเร็งเต้านมเองก็เช่นกัน นอกจากการออกกำลังกายจะป้องกันมะเร็งได้ในระดับหนึ่งแล้ว ยังลดความเสี่ยงต่อโรคอื่นๆ ได้อีกด้วย
จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะสองสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อร่างกายทั้งทางตรงและทางอ้อม หากดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่มากเกินไป จะส่งผลกระทบทำให้กระตุ้นการเกิดมะเร็งเต้านมมากขึ้น
หมั่นสังเกตและตรวจสอบเต้านมตัวเอง อย่างน้อยเดือนละครั้ง หากเป็นผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไปควรตรวจแมมโมแกรมปีละครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุไม่คาดฝัน
อีกสิ่งที่ควรให้ความสนใจไม่แพ้กันคือ ประกัน เนื่องจากมะเร็งเต้านมเป็นโรคที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง ดังนั้นการเตรียมตัวในเรื่องนี้ไว้ก่อนก็เป็นเรื่องที่ควรทำ
ซึ่งประกันมะเร็งที่ทางประกันติดโล่จำหน่ายก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยมีเบี้ยประกันมะเร็งเริ่มต้นเพียงวันละ 3 บาท หากตรวจพบมะเร็งจะมีการให้ดูแลทันที 300,000 บาท และให้ค่ารักษาสูงสุดถึง 600,000 บาท
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ประกันติดโล่ทุกสาขา หรือเบอร์ 1501 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันมะเร็งได้ที่นี่