ระวัง! 5 อันตรายจากการเล่นกิจกรรมช่วงปิดเทอม มีอะไรบ้าง?
การที่พ่อแม่หากิจกรรมช่วงปิดเทอมให้ลูกทำถือเป็นแนวคิดที่ดีมาก เพราะวัยเด็กเป็นวัยที่อยากเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย เมื่อเด็กได้ทำกิจกรรมในช่วงปิดเทอมก็จะช่วยให้พวกเขาพัฒนาทักษะทางร่างกายและความคิด แต่พ่อแม่รู้ไหมว่ากิจกรรมช่วงปิดเทอมอาจมาพร้อมกับ “อันตรายจากการเล่น” ถ้าพ่อแม่เผลอแค่พริบตาเดียว ลูกที่กำลังทำกิจกรรมช่วงปิดเทอมอยู่อาจได้รับบาดเจ็บได้ ดังนั้น เพื่อปกป้องลูกจากการบาดเจ็บของกิจกรรมช่วงปิดเทอม มาดูกันว่าอันตรายจากการเล่นที่ต้องระวังมีอะไรบ้าง
รู้หรือไม่? การบาดเจ็บเป็นสาเหตุอันดับ 1 ของการเสียชีวิตในเด็ก
เชื่อหรือไม่ว่าสาเหตุที่ทำให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีเสียชีวิตจากการบาดเจ็บมากที่สุด ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบาดเจ็บในเด็กไว้ว่า
- การบาดเจ็บในเด็กเป็นสาเหตุอันดับ 1 ที่ทำให้เด็กเสียชีวิต
- ในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีจำนวน 100,000 คน มีเด็กเสียชีวิตจากการบาดเจ็บโดยเฉลี่ย 2,000 คนต่อปี
- มีเด็กบาดเจ็บรุนแรงจำนวน 21,000 คนต่อปี และจำนวน 1,600 คน พิการตลอดชีวิต
โดยการบาดเจ็บในเด็กนั้นมีโอกาสส่งผลระยะยาวต่อการเจริญเติบโตของเด็ก ทำให้เด็กมีพัฒนาการช้าหรือหยุดชะงักไปได้เลย แล้วอะไรบ้างที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดการบาดเจ็บในเด็ก คำตอบคื ตัวเด็ก ผู้ดูแลเด็กและครอบครัว และสุดท้ายคือสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ต่อให้พ่อแม่ซื้อประกันสุขภาพและอุบัติเหตุเอาไว้ ก็ต้องเป็นหูเป็นตาคอยสอดส่องดูแลเวลาลูกทำกิจกรรมในช่วงปิดเทอมด้วย
5 อันตรายต้องรู้จากการเล่นหรือทำกิจกรรมช่วงปิดเทอมของเด็ก
อ่านถึงตรงนี้ ประกันติดโล่ไม่ได้ทำให้คุณล้มเลิกหากิจกรรมในช่วงปิดเทอมให้ลูกทำนะครับ เพียงแค่อยากบอกว่ากิจกรรมในช่วงปิดเทอมสามารถทำให้เด็กบาดเจ็บได้ ซึ่งถ้าเจ็บนิด ๆ หน่อย ๆ คงไม่เป็นอะไรมาก แต่ถ้าบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออกคงไม่ดีแน่ ดังนั้น มาดูกันเลยว่าอันตรายจากการเล่นที่ควรระวังมีอะไรบ้าง
1. ลูกพลัดตก หกล้ม หรือตกจากที่สูง
การพลัดตก หกล้ม หรือตกจากที่สูงเกิดขึ้นได้ทุกวัน ยิ่งเป็นการทำกิจกรรมในช่วงปิดเทอมยิ่งมีความเสี่ยง เนื่องจากเด็กจะต้องทำตามรูปแบบของกิจกรรมนั้น ๆ เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการ เช่น ปีนเครื่องเล่น ปีนขึ้นต้นไม้ ไถสเกตบอร์ด เล่นสกูตเตอร์ เล่นรองเท้าสเก็ต เป็นต้น
นอกจากพ่อแม่ต้องคอยจับตาดูลูก เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากการทำกิจกรรมในช่วงปิดเทอมของเด็กแล้ว พ่อแม่ควรหาสถานที่ หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ดีและปลอดภัยด้วย
เช่น หาสนามเด็กเล่นที่มีพื้นยางสังเคราะห์ที่นิ่มเพื่อลดแรงกระแทก หรือใช้อุปกรณ์เสริมในกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บในเด็กที่อาจเกิดขึ้นนั่นเอง
2. ลูกจมน้ำ หรือสำลักน้ำ
เนื่องจากเมืองไทยเป็นเมืองร้อน พ่อแม่หลายคนคงหากิจกรรมทางน้ำให้ลูกทำช่วงปิดเทอม เช่น ไปเล่นสวนน้ำ เที่ยวน้ำตก เล่นน้ำทะเล หรือทำสระน้ำเป่าลมที่บ้าน เพื่อให้ลูกได้ผ่อนคลายจากอากาศร้อน และได้พัฒนากล้ามเนื้อจากการเล่นน้ำ แต่รู้ไหมครับว่าการปล่อยให้เด็กเล่นน้ำคนเดียวนั้นเป็นสิ่งที่อันตรายมาก
เนื่องจากเด็กเล็กยังไม่มีความสามารถในการทรงตัว เวลาเล่นน้ำอาจหน้าทิ่มลงผืนน้ำ หรือเด็กโตที่ยังว่ายน้ำไม่แข็งแรงก็มีโอกาสจมน้ำได้ ดังนั้น พ่อแม่ควรหาวิธีป้องกันการบาดเจ็บของลูกจากกิจกรรมช่วงปิดเทอม เช่น พาไปเรียนว่ายน้ำ ใส่เสื้อชูชีพขณะเล่น และไม่ปล่อยให้เด็กเล่นน้ำตามลำพังนะครับ
3. ลูกโดนน้ำร้อนลวก ไฟดูด หรือไฟไหม้
การหากิจกรรมให้ลูกทำช่วงปิดเทอมอย่างการทำอาหารหรือทำขนม ถือเป็นอีกวิธีในการเสริมสร้างทักษะที่ดี และเป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตประจำวันให้กับลูก แต่อย่าลืมว่ากิจกรรมการทำอาหารของเด็กจะมีเรื่องไฟหรือไฟฟ้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะต้องใช้อุปกรณ์ทั้งเตา เตาอบ ไมโครเวฟ แน่นอนว่าอันตรายสุด ๆ
เด็กที่ไม่รู้ประสีประสาอาจโดนไฟดูดจากการเสียบปลั๊ก หรือโดนน้ำร้อนลวกจากการจับของร้อนด้วยมือเปล่า ซึ่งอาการบาดเจ็บในอันตรายจากการเล่นกิจกรรมในช่วงปิดเทอมนี้อันตรายถึงชีวิต พ่อแม่ควรหาวิธีป้องกัน เช่น ติดตั้งอุปกรณ์ครอบปลั๊กไฟ ไม่วางปลั๊กไฟไว้ที่พื้น และไม่ให้เด็กใช้อุปกรณ์คนเดียว เป็นต้น
4. ลูกหยิบสารพิษ หรือสารเคมีเข้าปาก หรือถูกผิวหนัง
การเล่นบทบาทสมมติถือเป็นไอเดียในการหากิจกรรมให้ลูกทำช่วงปิดเทอมที่ดีมากๆ เพราะนอกจากจะทำให้เด็กเพลิดเพลินแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ ได้โชว์สิ่งที่อยากเป็น และเข้าใจบทบาททางสังคมมากขึ้นด้วย แต่ว่าการทำกิจกรรมบทบาทสมมติกับลูกช่วงปิดเทอมก็ใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป
ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจพาลูกเล่นเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังทดลองอยู่ในห้องแล็บ และด้วยความอยากสมจริง ลูกจึงไปค้นเอาขวดสารเคมีในห้องเก็บของมาใช้งานโดยไม่รู้ เช่น ยากำจัดแมลง แอลกอฮอล์ชนิดน้ำ ทำให้ลูกเกิดอาการแพ้เมื่อสารเคมีโดนผิวหนัง หรือหยิบสารเคมีเข้าปาก ดังนั้น คุณควรเก็บสารเคมีให้ห่างมือเด็กมากที่สุด และไม่ควรคลาดสายตาไปจากเด็กระหว่างการเล่นเลย เพราะถ้าเกิดอันตรายจากการเล่นขึ้นมาจริง ๆ อาจทำให้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตได้เลย
5. ลูกโดนแมวข่วน หรือโดนสุนัขกัด
พ่อแม่บางคนอาจไม่ได้หากิจกรรมให้ลูกทำช่วงปิดเทอมมากนัก อย่างมากก็พาไปเดินเล่นสวนสาธารณะตอนเย็น เต้นแอโรบิกในสวนสาธารณะ ชวนกันออกกำลังกายสร้างความสัมพันธ์ให้คนในบ้านแน่นแฟ้น หากมีคนนำสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่นในสวนสาธารณะ แล้วพื้นฐานของลูกเป็นคนชอบเล่นกับสัตว์ก็มีโอกาสที่ลูกไปเล่นกับสัตว์เลี้ยงตัวนั้นๆ จนเกิดอุบัติเหตุ เช่น แมวข่วน แมวกัด หรือหมากัดได้ ถ้าสัตว์เลี้ยงตัวนั้นไม่ได้ฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าก็มีโอกาสที่ลูกของคุณจะติดเชื้อ ดังนั้น กิจกรรมง่ายๆ อย่างการพาลูกไปเล่นที่สวนสาธารณะตอนเย็นก็มีอันตรายเหมือนกัน
ถ้าลูกบาดเจ็บจากทำกิจกรรม ประกันจะคุ้มครองไหม
หากทำประกันสุขภาพและอุบัติเหตุเอาไว้ แล้วระหว่างที่ทำกิจกรรมในช่วงปิดเทอมลูกเกิดบาดเจ็บขึ้นมา ก็สามารถใช้สิทธิ์ประกันคุ้มครองได้เลย ยิ่งเป็นประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ Care for Kids ยิ่งคุ้มค่า เพราะนอกจากจะมีเบี้ยประกันเริ่มต้นวันละ 4 บาทหรือ 1,600 บาทต่อปี ยังมีความคุ้มครองอื่นๆ ด้วย คือ
- อุ่นใจ หายห่วง คุ้มครองคุณและลูกในกรมธรรม์เดียว
- คุ้มครองทั้งกรณีอุบัติเหตุ และเจ็บป่วยโรคฮิตตามฤดูกาล
- วงเงินค่ารักษาพยาบาลคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท
ดังนั้น ถ้าคนเป็นพ่อแม่รู้สึกว่าการดูแลลูกไม่ให้คลาดสายตาในทุกๆ กิจกรรมที่ลูกทำในช่วงปิดเทอมนั้นยังไม่พอ อยากจะหาประกันสุขภาพและอุบัติเหตุมาช่วยคุ้มครองอีกแรง ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดี หากยังไม่รู้ว่าจะซื้อประกันสุขภาพและอุบัติเหตุที่ไหนดีที่ประกันติดโล่มีให้บริการนะครับ
สรุป
การหากิจกรรมให้ลูกทำในช่วงปิดเทอมเป็นความคิดที่ดี เพราะเป็นการใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กในหลายๆ ด้าน และกิจกรรมในช่วงปิดเทอมของเด็กจะสนุกเพิ่มขึ้น ถ้าพ่อแม่ร่วมทำกิจกรรมกับพวกเขาด้วย ที่สำคัญหากคุณกังวลว่าระหว่างที่ทำกิจกรรมนั้น ลูกรักจะเกิดอันตรายจากการเล่นไหม การซื้อประกันสุขภาพและอุบัติเหตุเอาไว้คุ้มครองอีกชั้นหนึ่งจึงเป็นเรื่องที่ดีมากครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมควบคุมโรค