ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ห้ามกินอะไร รักษายังไงให้ไม่เป็นอีก
มีใครกำลังป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B อยู่ไหม? เราบอกเลยว่าโรคนี้เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่พบได้บ่อยมากๆ การที่คุณรู้จักดูแลตัวเอง ทั้งการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม การรู้ว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ห้ามกินอะไร และอาหารแก้ไข้หวัดใหญ่มีอะไรบ้าง รวมไปถึงการหลีกเลี่ยงทำกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้มีโอกาสเป็นโรคนี้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณฟื้นตัวได้เร็วและลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำได้ ซึ่งการเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B จะมีสาเหตุมาจากอะไร มีวิธีการรักษายังไง ไข้หวัดใหญ่กินผลไม้อะไรได้บ้าง มาทำความเข้าใจโรคนี้กันดีกว่า
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B คืออะไร?
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัส Influenza B ซึ่งเป็นหนึ่งในสายพันธุ์หลักของไวรัสไข้หวัดใหญ่ โดยโรคนี้มักแพร่กระจายได้ง่ายมากๆ เมื่อคุณไอ จาม หรือสัมผัสกับสารคัดหลั่งของคนที่กำลังป่วยอยู่ และส่วนใหญ่จะระบาดในประเทศที่เป็นเขตร้อน โดยเฉพาะประเทศไทย
สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B นี้ สามารถพบเจอได้ตลอดทั้งปี และมักเกิดขึ้นกับคนที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และคนที่มีโรคประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคปอด หรือโรคเบาหวาน ก็ล้วนพบเจอได้บ่อยกว่าคนปกติ
ไข้หวัดใหญ่มีกี่สายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์ต่างกันยังไง?
ในปี 2567 นี้ วงการแพทย์ได้มีการแบ่งไข้หวัดใหญ่ออกเป็น 4 สายพันธุ์หลักๆ ด้วยกัน คือ สายพันธุ์ A, B, C และ D ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ จะเหมือนหรือแตกต่างกันยังไง ใครสามารถติดได้บ้าง ความรุนแรงเหมือนกันไหม พบบ่อยที่คนกลุ่มไหน และกินอะไรถึงจะหายไข้ ใครที่เสี่ยงติดเชื้อไข้หวัดใหญ่บ้าง ตามมาดูกันเลย
1. ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A
สำหรับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A เป็นสายพันธุ์ที่พบบ่อยที่สุดและมีการติดต่อกันได้เร็วที่สุด ซึ่งสามารถติดเชื้อได้ทั้งในคนและสัตว์ มีความรุนแรงปานกลาง และอาจรุนแรงมากในบางราย สามารถระบาดและติดเชื้อได้ง่ายในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่ตั้งครรภ์ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
2. ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B สำหรับสายพันธุ์นี้พบเจอได้เฉพาะในคน มีการติดต่อช้ากว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ความรุนแรงอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนใหญ่จะเกิดการระบาดเฉพาะพื้นที่ ไม่ติดต่อกันเป็นวงกว้าง ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงคือเด็กและวัยรุ่น แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถติดเชื้อได้เช่นกัน
3. ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ C
ไข้หวัดใหญ่อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่สามารถติดต่อผ่านคนได้ นั่งก็คือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ C อาจพบเจอได้น้อยกว่าสายพันธุ์ A และ B ผู้ป่วยส่วนใหญ่เกิดอาการไม่รุนแรง มักพบในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ความรุนแรงของสายพันธุ์นี้อยู่ในระดับต่ำ และไม่ก่อให้เกิดการระบาดวงกว้าง
4. ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ D
สำหรับสายพันธุ์สุดท้ายคือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ D สายพันธุ์นี้จะพบการติดเชื้อเฉพาะในสัตว์เท่านั้น ไม่มีการติดต่อกับคน ส่วนใหญ่มักพบเจอในหมูและวัว และความรุนแรงในสัตว์อยู่ในระดับต่ำถึงปานกลาง แต่อาจมีความเสี่ยงในการกลายพันธุ์และข้ามสายพันธุ์มาสู่คนได้ในอนาคต
อาการของคนเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B
สำหรับอาการของคนที่เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B หลังจากได้รับเชื้อ 1-4 วัน อาการที่คนส่วนใหญ่มักจะเป็น มีดังนี้
- ตัวร้อน หนาวสั่น มีไข้สูง (สูงกว่า 38°C)
- ปวดศีรษะรุนแรง
- ปวดเมื่อยตามตัว (โดยเฉพาะกล้ามเนื้อและข้อต่อ)
- อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
- ไอ เจ็บคอ
- คัดจมูก น้ำมูกไหล
- ตาแดงตลอดเวลา
- คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย (พบได้บ่อยในเด็ก)
และนอกจากอาการเหล่านี้แล้ว คนที่มีอาการรุนแรง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ปอดบวม, หลอดลมอักเสบ, ไซนัสอักเสบ, หูชั้นกลางอักเสบ, ภาวะสมองอักเสบ, ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และอาการกำเริบของโรคประจำตัว ถ้าคุณสงสัยว่าตัวเองเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B หรือมีอาการรุนแรงแทรกซ้อน เราแนะนำให้คุณพบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการที่เป็นให้เร็วที่สุด
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ห้ามกินอะไร ทานอะไรได้บ้าง?
การที่คุณเลือกกินอาหารที่เหมาะสม ย่อมมีผลต่อการฟื้นฟูร่างกายจากการเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ฉะนั้นมาดูกันว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ห้ามกินอะไร และอาหารอะไรที่คุณควรกินเพื่อที่จะทำให้ร่างกายฟื้นตัวจากป่วยได้เร็วขึ้น ดังนี้
ไข้หวัดใหญ่ ควรกินอะไร สำหรับสายพันธุ์ B
- น้ำเปล่า : ดื่มน้ำให้เพียงพอ ป้องกันภาวะขาดน้ำ และลดอาการคัดจมูกได้
- น้ำผลไม้ : น้ำผลไม้ถือเป็นอาหารแก้ไข้หวัดใหญ่ได้ดี ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้ เช่น ส้ม มะนาว
- โจ๊กหรือข้าวต้ม : กินอาหารอ่อน ช่วยให้ย่อยง่าย และให้ความอบอุ่นต่อร่างกาย
- ผักใบเขียว : มีวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิด ช่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดี
- เนื้อปลา : กินปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 จะช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้
- ไข่ : มีโปรตีนสูง ย่อยง่าย มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยฟื้นฟูได้ดี
- น้ำผึ้ง : ช่วยลดอาการไอและเจ็บคอ มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย
เมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ห้ามกินอะไร
- อาหารรสจัด : อาหารที่มีรสเผ็ดหรือเค็มจัด จะทำให้อาการเจ็บคอของคุณแย่ลง
- อาหารมัน : อาหารมันจะมีไขมันสูง อาจทำให้ระบบย่อยทำงานหนักขึ้น
- คาเฟอีน : งดกาแฟ ชา และน้ำอัดลม เพราะอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ง่ายขึ้น
- แอลกอฮอล์ : งดแอลกอฮอล์ทุกชนิด นอกจากจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ ยังมีผลต่อยาที่กินด้วย
- ผลิตภัณฑ์จากนม : อาจทำให้เสมหะเหนียวขึ้น มีโอกาสไอมากขึ้นหรือหายใจลำบากขึ้น
- อาหารหมักดอง : อาหารประเภทนี้มีจุลินทรีย์สูง อาจมีผลต่อระบบย่อยอาหารที่กำลังอ่อนแอ
วิธีการดูแลตัวเอง เมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B
การป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่นอกจากจะต้องรู้แล้วว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ห้ามกินอะไร คนที่เป็นไข้หวัดใหญ่กินอะไรหาย การดูแลตัวเองก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษา ที่จะทำให้คุณหายจากโรคนี้ได้เร็วขึ้น ซึ่งวิธีการดูแลตัวเองเมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ตามคำแนะนำของแพทย์ มีดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับอย่างน้อย 8-10 ชั่วโมงต่อวัน
- ดื่มน้ำเยอะๆ อย่างน้อย 10 แก้วต่อวัน เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- กินอะไรถึงจะหายไข้ แนะนำให้กินยาตามที่แพทย์สั่ง กินทุกครั้งเพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้เต็มที่
- กินอาหารอ่อนๆ เช่น โจ๊ก ซุป ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง หลีกเลี่ยงอาหารแสลง
- ใช้ผ้าชุบน้ำและทำการเช็ดตัวเพื่อลดอุณหภูมิ โดยเฉพาะตอนไข้สูง
- สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือใกล้ชิดกับผู้อื่น โดยเฉพาะเด็ก และผู้สูงอายุ
- สังเกตอาการ ถ้ามีอาการรุนแรงขึ้น ให้รีบพบแพทย์ทันที
สรุป ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ห้ามกินอะไร เป็นแล้วมีโอกาสหายไหม?
โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่สามารถรักษาให้หายได้ ใครที่มีคำถามว่าถ้าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ห้ามกินอะไร ทานอะไรได้บ้าง คนเป็นไข้หวัดใหญ่กินอะไรหาย? คุณควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ของมัน ของทอด อาหารแปรรูปที่มีน้ำตาลสูง เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ นม อาหารหมักดอง และอาหารที่ย่อยยาก จะดีที่สุด
ซึ่งถ้าจะให้ดี เราแนะนำให้คุณเลือกอาหารที่ย่อยง่ายและมีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูร่างกาย เพราะผู้ป่วยทุกคนมีโอกาสหายขาดจากโรคนี้ได้ และส่วนใหญ่แล้ว หลายๆ คนอาการจะดีขึ้นเองภายใน 5-7 วัน สำหรับการเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ในแต่ละครั้ง มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ยิ่งหากคุณเลือกรักษากับโรงพยาบาลเอกชนด้วยแล้วล่ะก็ เงินเก็บที่เก็บมาทั้งหมดอาจหายไปได้ทันที ทางออกที่ดีที่สุด แนะนำให้ทำประกันสุขภาพเอาไว้ เจ็บป่วย เป็นโรคร้ายแรงแค่ไหนก็ไม่ต้องสำรองจ่าย หายห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย
ที่มา: จุฬารัตน์ 3 อินเตอร์