ช่วงหน้าฝน มีน้ำท่วมขัง ระวังการติดต่อของโรคฉี่หนู
ช่วงหน้าฝน หรือช่วงที่มีน้ำท่วมขัง อีกหนึ่งสิ่งที่มองข้ามไม่ได้นั่นก็คือ โรคฉี่หนู ภัยเงียบที่แฝงตัวมากับน้ำท่วม โดยเฉพาะในช่วงหลังน้ำลด หากเดินลุยน้ำ ย่ำโคลน หรือแช่น้ำเป็นเวลานาน เชื้อโรคจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านผิวหนังที่เปียกชื้น หรือบริเวณที่มีแผล อาการเริ่มแรกของโรคนี้อาจคล้ายไข้หวัดธรรมดา ทำให้หลายคนชะล่าใจ และไม่ได้ไปหาหมอเพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี ประกันติดโล่จะพาไปทำความรู้จักกับโรคฉี่หนู สาเหตุ อาการ และการป้องกันตัวเองที่ทุกคนควรรู้
โรคฉี่หนูสาเหตุของการเกิดโรค
โรคฉี่หนู มีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า “เลปโตสไปโรซิส” (Leptospirosis) เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน หรือหลังน้ำท่วม สาเหตุหลักของโรคนี้มาจากเชื้อแบคทีเรียในตระกูลเลปโตสไปรา (Leptospira) ซึ่งมีหลายสายพันธุ์
เชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคฉี่หนู
เชื้อเลปโตสไปรา (Leptospira) มีลักษณะเป็นเกลียวขดคล้ายเชือก มีความยาวประมาณ 6-20 ไมโครเมตร และมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.1 ไมโครเมตร เชื้อนี้สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว และมีชีวิตอยู่ในน้ำจืดได้นานถึง 3 เดือน โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง และอุณหภูมิอบอุ่นอย่างในประเทศไทย
แหล่งแพร่เชื้อ และการติดต่อของโรคฉี่หนู
แหล่งแพร่เชื้อหลักของโรคฉี่หนูคือสัตว์ที่เป็นพาหะ โดยเฉพาะหนู และสัตว์ฟันแทะอื่นๆ นอกจากนี้ยังพบได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น เช่น สุนัข แมว วัว ควาย หมู แพะ แกะ และม้า สัตว์เหล่านี้จะขับถ่ายเชื้อออกมาทางปัสสาวะ ทำให้เชื้อปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในแหล่งน้ำ ดิน หรือพืชผักที่ปนเปื้อนปัสสาวะของสัตว์ที่เป็นพาหะ
การติดต่อของโรคฉี่หนูสู่มนุษย์เกิดขึ้นได้หลายทาง ดังนี้
- การสัมผัสโดยตรง: เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านผิวหนังที่มีแผล หรือรอยถลอกเพียงเล็กน้อย รวมถึงเยื่อบุต่างๆ เช่น ตา จมูก และปาก
- การสัมผัสทางอ้อม: การสัมผัสน้ำ ดิน หรือพืชผักที่ปนเปื้อนปัสสาวะของสัตว์ที่เป็นพาหะ
- การกินอาหาร หรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ: แม้พบได้น้อยกว่า แต่ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางการติดเชื้อที่สำคัญ
ดังนั้น ในช่วงหน้าฝน หรือช่วงที่เกิดน้ำท่วม ความเสี่ยงในการติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากน้ำท่วมขังจะพัดพาเชื้อโรคจากปัสสาวะสัตว์ไปยังพื้นที่ต่างๆ ทำให้คุณมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อได้ง่ายยิ่งขึ้นนั่นเองครับ
โรคฉี่หนูอาการเริ่มแรกเป็นยังไง
อาการเริ่มแรกของโรคฉี่หนูมักจะคล้ายกับไข้หวัดธรรมดาทั่วไป ทำให้หลายคนอาจไม่ทราบว่าตัวเองติดเชื้อ การสังเกตอาการเริ่มแรกจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาการเริ่มแรกของโรคนี้ มักจะเกิดขึ้นหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 2-10 วัน โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่
- ไข้สูงเฉียบพลัน: ผู้ป่วยจะมีไข้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจสูงถึง 39-40 องศาเซลเซียส
- ปวดศีรษะอย่างรุนแรง: มักเป็นอาการปวดศีรษะที่รุนแรงกว่าปกติ
- ปวดกล้ามเนื้อ: โดยเฉพาะบริเวณน่องและต้นขา ความเจ็บปวดอาจรุนแรงจนทำให้เดินไม่ได้
- ตาแดง: เยื่อบุตาอักเสบ ทำให้ตาแดง
- คลื่นไส้ อาเจียน: อาจมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนร่วมด้วย
- ท้องเสีย: บางรายอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย
- อ่อนเพลีย: รู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าปกติ
- ปวดท้อง: อาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย
สิ่งสำคัญที่ควรสังเกตคือ อาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและรุนแรง โดยเฉพาะหากอยู่ในบริเวณน้ำท่วมขัง หรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยงในช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนหน้า
โรคฉี่หนูระยะฟักตัวกี่วัน
โรคฉี่หนูระยะฟักตัวจะอยู่ที่ประมาณ 7-10 วัน แต่สามารถแตกต่างกันได้ตั้งแต่ 2-30 วัน ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับ และภูมิต้านทานของแต่ละบุคคล ในระยะนี้ผู้ติดเชื้อจะยังไม่แสดงอาการใดๆ แต่เชื้อกำลังเพิ่มจำนวนอยู่ภายในร่างกาย โดยหลังจากโรคฉี่หนูระยะฟักตัว ก็จะพัฒนาเข้าสู่ระยะต่างๆ ดังนี้
อาการในระยะกลาง
หลังจากอาการเริ่มแรก โรคอาจพัฒนาเข้าสู่ระยะกลาง ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วง 4-7 วันหลังจากเริ่มมีอาการ ในระยะนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการเพิ่มเติม เช่น
- ดีซ่าน: ตัวเหลือง ตาเหลือง เนื่องจากตับถูกทำลาย
- เลือดออกผิดปกติ: อาจพบจุดเลือดออกตามผิวหนังหรือเยื่อบุต่างๆ
- ไตวาย: ปัสสาวะน้อยลงหรือไม่มีปัสสาวะ
- ไอเป็นเลือด: ในกรณีที่มีการอักเสบของปอด
- สับสน: อาจมีอาการสับสนหรือซึมลงเนื่องจากการอักเสบของเยื่อหุ้มสมอง
อาการรุนแรงในระยะท้าย
ในบางราย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โรคฉี่หนูอาจพัฒนาเข้าสู่ระยะรุนแรง ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ผู้ป่วยอาจมีอาการ เช่น
- ภาวะไตวายเฉียบพลัน: ไตอาจหยุดทำงานอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดภาวะของเสียคั่งในร่างกาย
- ภาวะตับวาย: ตับอาจถูกทำลายอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดภาวะดีซ่านรุนแรง และการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
- ภาวะเลือดออกในปอด: อาจทำให้เกิดภาวะหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้
- ภาวะช็อก: ความดันโลหิตตกอย่างรุนแรง อาจนำไปสู่การล้มเหลวของอวัยวะหลายระบบ
- ภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ: อาจทำให้เกิดอาการชัก และหมดสติได้
วิธีป้องกันโรคฉี่หนูเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมขัง
- สวมอุปกรณ์ป้องกัน: ใส่รองเท้าบูท ถุงมือยาง และชุดป้องกันเมื่อจำเป็นต้องลุยน้ำ ลุยโคลน
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำท่วมโดยตรง: หากเป็นไปได้ให้ใช้เรือ หรือแพในการเดินทาง
- ทำความสะอาดร่างกายทันที: อาบน้ำและล้างมือด้วยสบู่ทันทีหลังสัมผัสน้ำท่วม
- ระวังบาดแผล: หากมีบาดแผล ให้ทำความสะอาด และปิดแผลให้มิดชิดก่อนสัมผัสน้ำ
- ดื่มน้ำสะอาด: ดื่มเฉพาะน้ำต้มสุก หรือน้ำบรรจุขวดที่ปิดสนิท
- สังเกตอาการผิดปกติ: หากมีอาการไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังสัมผัสน้ำท่วม ให้รีบพบแพทย์ทันที
สรุป สังเกตอาการในแต่ละระยะของโรคฉี่หนู เป็นสิ่งสำคัญ
การรู้จักอาการของโรคฉี่หนูในแต่ละระยะ ช่วยให้คุณสังเกตความผิดปกติของร่างกาย และเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงต่างๆ และลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ อย่างไรก็ตาม นอกจากการป้องกันตัวเองแล้ว การมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเพิ่มความอุ่นใจ ช่วยให้คุณเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ แม้ในยามที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ที่มา: กรมควบคุมโรค